เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (FedEx Express) บริษัทในเครือเฟดเอ็กซ์ คอร์ปอเรชั่น (FedEx Corp.) (NYSE: FDX) และผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุรายใหญ่ที่สุดของโลกได้เสริมศักยภาพให้กับธุรกิจในเอเชียแปซืฟิกโดยการเปิดเส้นทางบริการใหม่เพิ่มอีกสองเส้นทางไปยังยุโรปและอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ เฟดเอ็กซ์ยังเพิ่มเครื่องบินขนส่งสินค้า 767 ที่มีตัวเครื่องบินกว้างทำให้ขบวนเครื่องบินขนส่งทั้งหมดของเฟดเอ็กซ์ในเอเชียเป็นเครื่องบิน ที่มีลำตัวกว้าง 100%
การเปิดตัวเส้นทางบินใหม่ทั้งสองเส้นทางเป็นการขยายเครือข่ายครั้งล่าสุดของเฟดเอ็กซ์ ในขณะที่เศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกเริ่มกลับคืนมา[1] เมื่อรวมเส้นทางขนส่งทางอากาศระหว่างทวีปที่เปิดใหม่ 4 เส้นทาง เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เฟดเอ็กซ์ได้เพิ่มเที่ยวบิน 63 เที่ยวบินที่เดินทางเข้าและออกจากเอเชียแปซิกทุกอาทิตย์โดยสามารถขนส่งสินค้าได้มากถึง 2,700 ตัน (2,690,000 กิโลกรัม) เที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลให้เฟดเอ็กซ์มีการขนส่งทางอากาศ 225 เที่ยวต่ออาทิตย์ที่บินเข้าและออกจากเอเชียแปซิกไปยังสหรัฐอเมริกาและยุโรป ธุรกิจต่างๆ ได้รับผลประโยชน์จากเส้นทางใหม่ๆ เหล่านี้และทำให้การบริการไว้วางใจได้มากขึ้นเมื่อต้องการส่งสินค้าเข้าและออกสู่ยุโรป สหรัฐอเมริกาและระหว่างประเทศ ในเอเชีย
การเชื่อมต่อที่ดียิ่งขึ้นระหว่างเอเชีย ประเทศญี่ปุ่น และยุโรป
หนึ่งในสองของเที่ยวบินใหม่จากเฟดเอ็กซ์ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อและให้บริการที่มั่นใจได้ในการขนส่งทั้งขาเข้าและออกจากยุโรป และยังเสริมบริการให้แก่กลุ่มผู้นำเข้าในประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ ยุโรปเป็นคู่ค้าที่ใหญ่เป็นอันดับสามของ ญี่ปุ่น2[2] และในปีนี้ ญี่ปุ่นนำเข้าสินค้าจากทั่วโลก3 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เส้นทางเปิดใหม่เอเชีย-ยุโรปของเฟดเอ็กซ์ให้บริการเที่ยวบินขนส่งสี่วันต่อสัปดาห์ โดยเชื่อมต่อฮับของเฟดเอ็กซ์ที่ท่าอากาศยานชาร์ลส์เดอโกล ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ไปยังฮับเอเชียแปซิกของเฟดเอ็กซ์ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน โดยจอดแวะที่ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และให้บริการบินขนส่งหนึ่งวันต่อสัปดาห์ ผ่านท่าอากาศยานชางกีของสิงค์โปร์ เส้นทางใหม่เหล่านี้เพิ่มการบินเชื่อมต่อมากถึง 10 ที่ต่อสัปดาห์แก่ลูกค้าเอเชียแปซิฟิกที่ต้องการขนส่งสินค้าทั้งส่งออกและนำเข้าจากยุโรป
สนับสนุนการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้นจากจีนไปยังสหรัฐอเมริกา
ความต้องการสินค้าส่งออกที่เพิ่มมากขึ้นจากคู่ค้ารายใหญ่ๆ ทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา จีนแผ่นดินใหญ่ และประเทศในเอเชียอื่นๆ กลับคืนมา4 ยกตัวอย่างเช่น มีการคาดการณ์การว่า เศรษฐกิจของไต้หวันในปี 20215 จะเติบโตเร็วที่สุดในช่วง 10 ปี ด้วยความต้องการผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีจากทั่วโลกเนื่องจากกระแสการทำงานหรือการเรียนจาก ที่บ้านเพราะการระบาดของโควิด 19
เส้นทางขนส่งใหม่ทรานส์แปซิฟิกของเฟดเอ็กซ์ที่เชื่อมต่อไทเปและฮ่องกง กับแองเคอเรจ และอินเดียนาโพลิส และขากลับจากแองเคอเรจไปยังไทเป จำนวนห้าครั้งต่อสัปดาห์ ช่วยเสริมศักยภาพให้แก่ลูกค้าในเส้นทางระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับทวีปอเมริกาเหนือ และเร่งให้เกิดการค้าขายระหว่างฮับโลจิสติกส์ชั้นนำในเอเชีย6 และสหรัฐอเมริกา
เครื่องบินลำตัวกว้างเพิ่มปริมาณการขนส่งไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อีกเท่าตัว
นอกจากการเพิ่มเที่ยวบินขนส่งข้ามทวีปแล้ว เฟดเอ็กซ์ยังเพิ่มเครือข่ายการบินขนส่งระหว่างประเทศในเอเชีย โดยแทนที่อากาศยานโบอิ้ง 757 ที่มีลำตัวแคบด้วยโบอิ้ง 767 ที่มีลำตัวกว้าง ซึ่งทำให้สามารถเพิ่มการบรรทุกสินค้าได้มากอีกเท่าตัวไปยังประเทศอินโดนีเซีย ประเทศเวียดนาม ประเทศไทยและประเทศฟิลิปปินส์ เครื่องบินขนส่งสินค้าโบอิ้ง 767 ของเฟดเอ็กซ์สามารถรับน้ำหนักสินค้าได้สูงสุดถึง 60,000 กิโลกรัมทำให้เสริมความแข็งแกร่งของเฟดเอ็กซ์ยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน เครื่องบินลำตัวกว้างเหล่านี้ยังประหยัดน้ำมันกว่า 38%
“จากการที่ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกกลับมาเปิดตัวเป็นระยะๆ การค้าขายข้ามพรมแดนจึงกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง7 การสร้างเครือข่ายทั่วโลกที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกให้กลับมาเติบโต” คาวอล พรีท ประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (AMEA) เฟดเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรซ กล่าว “การขยายเที่ยวบินข้ามทวีปและการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องบินขนส่งของเราในหลายเดือนที่ผ่านมาเป็นสิ่งยืนยัน ความมุ่งมั่นของเฟดเอ็กซ์ในการสนับสนุนธุรกิจทุกขนาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมทั้งในช่วงที่มีความต้องการขนส่งสูงสุดในช่วงเทศกาลสิ้นปี”
ไม่นานมานี้ เฟดเอ็กซ์เสริมความแข็งแกร่งด้านอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ ด้วยการเปิดตัว FedEx® International Connect Plus (FICP) บริการใหม่ของ FedEx Express International ซึ่งเป็นบริการขนส่งพัสดุสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามประเทศในแบบระบุวันได้ที่รวดเร็วและมีราคาเหมาะสม