“พิชิต” ร่วม รฟท. ลุยทำแผนบริหารที่ดินมักกะสัน มั่นใจได้ผลตอบแทนมากกว่า เชื่อล้างหนี้ 6.1 หมื่นล้าน ภายใน 30 ปี ชี้เอกชนไทย-เทศรุมตอม
นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้พิจารณาข้อเสนอที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจะพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันเอง โดย คนร.ให้ รฟท.กลับไปพิจารณารายละเอียด กำหนดเงื่อนไขความสำเร็จและขีดความสามารถลดภาระหนี้สินก่อนนั้น นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ตนจะร่วมกับ รฟท.จัดทำแผนพัฒนาที่ดินสถานีมักกระสัน ที่มีเนื้อที่กว่า 497 ไร่ เพื่อสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ เพื่อเสนอที่ประชุม คนร.ต่อไป โดย รฟท.ได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ซึ่งจะเห็นความชัดเจนภายใน 3 เดือนข้างหน้า ในขณะเดียวกันที่ดินแห่งนี้มีเอกชนหลายรายแสดงความสนใจ มั่นว่าหากนำมาพัฒนาเชิงพาณิชย์จะสามารถล้างหนี้ 61,000 ล้านบาทได้ภายใน 30 ปี
“เนื่องจากกระทรวงการคลังมีความปรารถนาดี ว่า รฟท.จะไม่มีความสามารถที่จะชำระหนี้สินสะสมที่มีอยู่ประมาณ 61,000 ล้านบาท จึงเสนอเงื่อนไขขอเข้ามาพัฒนาที่ดินระยะเวลา 99 ปี เพื่อล้างหนี้ดังกล่าว แต่การหารือล่าสุด รฟท.เชื่อว่าตัวเองสามารถที่จะบริหารและพัฒนาที่ดินดังกล่าวได้เอง และน่าจะทำได้ผลตอบแทนที่มากกว่า ซึ่งตนก็เห็นด้วย แต่ คนร.อยากให้ รฟท.ทำแผนให้ชัดเจนเสนอมาก่อน” นายพิชิตกล่าว
รมช.คมนาคม กล่าวต่อไปว่า รฟท.เห็นว่าจะบริหารจัดการพัฒนาที่ดินดังกล่าวเอง แต่ คนร. ต้องการให้ รฟท.จัดทำแผนรายละเอียดและเสนอเป็นแผนที่แสดงให้เห็นว่าสามารถหารายได้เพื่อมาชำระหนี้สินดังกล่าว ซึ่งตนมีแนวติดในการพัฒนาที่ดินดังกล่าวในรูปแบบขอการนำเสนอโครงการและมีการแบ่งกำไรและรายได้ (Profit Sharing) ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อเสนอของแผนการพัฒนาโครงการด้วย เพราะที่ผ่านมามีเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศแสดงความสนใจที่จะพัฒนาที่ดินดังกล่าว มีการติดต่อตั้งแต่สมัยที่ตนเป็นประธานบอร์ด รฟท. จึงมั่นใจการพัฒนาที่ดินแห่งนี้ว่าจะได้ผลตอบแทนภายใน 30 ปีก็น่าจะครอบคลุมภาระหนี้สินสะสมจำนวนนี้ได้
ทั้งนี้ที่ผ่านมา รฟท.ยังไม่เคยทำแผนหรือตัวเลขที่ชัดเจนเสนอไป คนร. แต่หลังจากนี้ตนจะลงไปดำเนินการร่วมกับ รฟท. เพราะการพัฒนาที่ดินหากประเมินจากราคาที่ดินไร่ละประมาณ 3 แสนบาท (497 ไร่ เป็นเงิน 149.1 ล้านบาท) แต่มูลค่าจริงนั้นมากกว่านั้น หากจะใช้วิธีการให้กรมธนารักษ์เช่าที่ดินเพื่อล้างหนี้ก็ทำได้ แต่หากนำมาพัฒนาเป็นโครงการน่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่า โดยเฉพาะหากมองที่มูลค่าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“คนร.จะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดว่า จะให้ รฟท.พัฒนาที่ดินมักกะสันเองหรือไม่ แต่จุดยืนของ รฟท.อยากทำเอง ขณะนี้ คนร.ให้ รฟท.ทำแผนและได้สั่งการให้ รฟท. เร่งจัดทำแผน ซึ่งเดิมก็มีแผนที่ทำร่วมกับสำนักงานนโยบายแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ซึ่งจะทำแผนเพื่อให้เห็น Future Cash flow ด้วย และจะทำให้ดีด้วย” นายพิชิตกล่าวทิ้งท้าย