กรมทางหลวง(ทล.)รายงานสถานการณ์อุทกภัยบนทางหลวง 1 ต.ค.64 เวลา 16.00 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ 17 จังหวัด การจราจรผ่านไม่ได้ 40 แห่ง พร้อมเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่องและติดตามสถานการณ์ 24 ชม. เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างทันท่วงทีตามข้อสั่งการ รมว.คมนาคม
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ตามที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มอบให้หน่วยงานในสังกัด เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างทันท่วงที พร้อมติดตามข้อมูลปริมาณและทิศทางน้ำอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบเส้นทางการสัญจรที่จะได้รับผลกระทบ รวมทั้งวางแผนการดำเนินงานและการบริหารจัดการ รวมทั้งการจัดหาเส้นทางเลี่ยง และประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เพื่อผู้ใช้เส้นทางสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย นั้น
กรมทางหลวงขานรับข้อสั่งการดังกล่าว โดยหน่วยงานในสังกัดได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมดำเนินการตามแผนป้องกันสาธารณภัยอย่างเคร่งครัด และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง โดยกรณีที่น้ำท่วมสูงได้ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือนพร้อมเร่งระบายน้ำ กรณีถนนหรือสะพานขาด/ชำรุด ได้เร่งติดตั้งสะพานเบลีย์เชื่อมทาง สำหรับกรณีดินไหล่เขาข้างทาง Slide ได้นำเครื่องจักรเขาเกลี่ยดินออกจากเส้นทาง พร้อม พร้อมวางแท่งแบริเออร์ กระสอบทราย และกำแพงดินเพื่อชะลอน้ำ และจัดทำแผนที่ทางเลี่ยงเส้นทางที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้กรมทางหลวงยังได้ช่วยขนย้ายประชาชนและสิ่งของไปยังพื้นที่ปลอดภัย แจกจ่ายอาหารเครื่องอุปโภคบริโภค และช่วยล้างทำความสะอาดเก็บกวาดบ้านเรือนเพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนในพื้นที่น้ำลด
สำหรับสถานการณ์ประจำวันที่ 1 ตุลาคม 2564 เวลา 16.00 น. พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ และสะพานชำรุด จำนวน 17 จังหวัด ( 49 สายทาง 116 แห่ง) โดยการจราจรผ่านไม่ได้ 40 แห่ง ดังนี้
1. จ.ชัยภูมิ (การจราจรผ่านไม่ได้ 4 แห่ง)
– ทล. 201 บ้านลี่-สี่แยกโรงต้ม ช่วง กม.ที่ 115+800-125+000 ระดับน้ำสูง 50 ซม.
– ทล. 2170 วัดปทุมชาติ – หนองจาน ช่วง กม.ที่ 0+500 – 3+600 ระดับน้ำสูง 30 ซม.
– ทล. 2179 จัตุรัส – บำเหน็จณรงค์ ช่วง กม.ที่ 0+225 – 0+250 น้ำกัดเซาะคอสะพาน
– ทล. 225 หนองบัวระเหว – ชัยภูมิ ช่วง กม.ที่ 230+913 น้ำกัดเซาะคอสะพาน
2. จ.ขอนแก่น (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
– ทล. 2065 พล – ลำชี ช่วง กม.ที่ 33+000 – 34+500 ระดับน้ำสูง 30 ซม.
3. จ.นครราชสีมา (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
– ทล. 2068 ช่วง กม.ที่ 42+221 น้ำกัดเซาะคอสะพาน
4. จ.นนทบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง)
– ทล. 302 สะพานพระนั่งเกล้า-ต่างระดับบางใหญ่ ช่วง กม.ที่ 16+950 ระดับน้ำสูง 20-25 ซม. ใช้จุดกลับรถต่างระดับ
บางใหญ่ที่ กม.18+500 แทนแทน
– ทล. 302 สะพานพระนั่งเกล้า-ต่างระดับบางใหญ่ ช่วง กม.ที่ 17+000 ระดับน้ำสูง 20-25 ซม. ใช้จุดกลับรถใต้สะพาน
คลองบางไผ่ที่ กม.16+600 ทดแทน
5. จ.สระบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
– ทล.1 หนองแค-หินกอง ช่วง กม.ที่ 85+143 (ทางลอดใต้สะพานระพีพัฒน์ทั้ง 2 ฝั่ง) ระดับน้ำสูง 90+95 ซม.
6. จ.อ่างทอง (การจราจรผ่านไม่ได้ 4 แห่ง)
– ทล.33 นาคู-ป่าโมก ช่วง กม.ที่ 36+000 – 36+200 (จุดกลับรถใต้สะพานฝั่งป่าโมก) ระดับน้ำสูง 40 ซม.
– ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 32+607-32+610 ระดับน้ำสูง 130 ซม.
– ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 43+719-43+720 ระดับน้ำสูง 80 ซม.
– ทล. 32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 39+843-40+000 ระดับน้ำสูง 55 ซม.
7. จ.สุโขทัย (การจราจรผ่านไม่ได้ 5 แห่ง)
– ทล. 12 ตอน เมืองเก่า – สุโขทัย ช่วงกม.ที่ 167+548 – 171+002 ด้านซ้ายทาง ระดับน้ำสูง 30 ซม. การจราจรผ่าน
ไม่ได้ เดินทางจากตากไปพิษณุโลกให้ใช้ทางเลี่ยง ทล.12 ที่ กม.163+543 แยกบ้านนา เลี้ยวทาง 1272 แทน
– ทล. 101 คลองโพธิ์ – ท่าช้าง ช่วง กม.ที่ 79+969 – 82+000 ระดับน้ำสูง 30 ซม.
– ทล. 125 แจกัน – บ้านสวน ช่วง กม.ที่ 14+450 – 19+400 ด้านซ้ายทาง ระดับน้ำสูง 40 ซม.
– ทล. 1195 สุโขทัย – เตว็ดใน ช่วง กม.ที่ 0+000 – 0+200 ระดับน้ำสูง 15 ซม.
– ทล. 1347 วัดโคก – สระบัว ช่วง กม.ที่ 0+000 – 5+284 เป็นช่วงๆ ระดับน้ำสูง 15 ซม.
8. จ.ลพบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 6 แห่ง)
– ทล. 205 คลองห้วยไผ่-เทศบาลลำนารายณ์ ช่วง กม.ที่ 68+000 – 71+000 ระดับน้ำสูง 40 ซม. เดินทางไปลพบุรี ใช้ ทล.2 หรือ ทล.21 แทน
– ทล. 205 เทศบาลลำนารายณ์ – ช่องสำราญ ช่วง กม.ที่ 80+700 -81+200 ระดับน้ำสูง 60 ซม.
– ทล. 2243 บัวชุม – สี่แยกบัวชุม ช่วง กม.ที่ 0+340 สะพานทรุดตัว
– ทล. 2243 บัวชุม – สี่แยกบัวชุม ช่วง กม.ที่ 0+800 -2+500 ระดับน้ำสูง 50 ซม.
– ทล. 2243 บัวชุม – สี่แยกบัวชุม ช่วง กม.ที่ 1+400 ทางขาด ระดับน้ำสูง 40 ซม. ทางขาดใช้ทางเลี่ยงเข้า
หมู่บ้านแทน
– ทล.3024 บ้านหมี่-เขาช่องลม ช่วง กม.ที่ 5+600-กม.7+300 ระดับน้ำสูง 150 ซม.
9. จ.กำแพงเพชร (การจราจรผ่านไม่ได้ 4 แห่ง)
– ทล. 1 ตอน โนนปอแดง – ปากดง ช่วง กม.ที่ 419+036 (จุดกลับรถคลองพะยอม) ระดับน้ำสูง 200 ซม.
– ทล. 1 ตอน โนนปอแดง – ปากดง ช่วง กม.ที่ 432+030 (จุดกลับรถคลองสุวรรณ) ระดับน้ำสูง 150 ซม.
– ทล. 1 ตอน โนนปอแดง – ปากดง ช่วง กม.ที่ 431+701 (จุดกลับรถคลองสุวรรณ) ระดับน้ำสูง 150 ซม.
– ทล. 1117 ตอน คลองแม่ลาย-อุ้มผาง ช่วง กม.ที่ 66+850 – กม.ที่ 93+000 ดินสไลด์
10. จ.พระนครศรีอยุธยา (การจราจรผ่านไม่ได้ 4 แห่ง)
– ทล 3263 หน้าโคก – เสนา ช่วง กม.ที่ 11+100 (จุดกลับรถใต้สะพานสีกุก) ระดับน้ำสูง 150 ซม.
– ทล. 32 นครหลวง – อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 32+607 (จุดกลับรถใต้สะพานคลองกะท่อ) ระดับน้ำสูง 120 ซม.
– ทล. 32 นครหลวง – อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 39+843 (จุดกลับรถใต้สะพานวัดดอกไม้) ระดับน้ำสูง 55 ซม.
– ทล. 32 นครหลวง – อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 43+719 (จุดกลับรถใต้สะพานหลวงปู่ทวด) ระดับน้ำสูง 85 ซม.
11. จ.สุพรรณบุรี (การจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง)
– ทล. 33 สุพรรณบุรี – นาคู ช่วง กม.ที่ 9+886 สะพานคลองทับน้ำ ระดับน้ำสูง 55 ซม.
– ทล. 340 สาลี – สุพรรณบุรี กม.ที่ 59+674 สะพานศาลเจ้าแม่ทับทิม ระดับน้ำสูง 100 ซม.
12. จ.นครสวรรค์ (การจราจรผ่านไม่ได้ 3 แห่ง)
– ทล. 1 บ้านหว้า – วังไผ่ ช่วง กม.ที่ 339+600 ใต้สะพานเดชาติวงศ์ ระดับน้ำสูง 120 ซม.
– ทล.1072 ลาดยาว-เขาขนกัน ช่วง กม.ที่ 44+665 คอสะพานทรุดตัว ใช้ทางเลี่ยงเดินทางจาก อ.ลาดยาว ทางหลวงหมายเลข 1072 กม.22+300 เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3013 กม.42+900 เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3473
– ทล.11 ตากฟ้า – ไตตาล ช่วง กม.ที่ 68+725 น้ำกัดเซาะคอสะพาน เดินทางไป จ.พิจิตร ใช้ ทล.1145 แทน
13. จ.อุทัยธานี (การจราจรผ่านไม่ได้ 2 แห่ง)
– ทล.3319 บันไดสามขั้น-ทัพทัน กม.ที่ 17+675 – กม.19+100 ระดับน้ำสูง 60 ซม.
– ทล. 3456 หนองกระดี่ – คลองข่อย ช่วง กม.ที่ 3+604 สะพานโคกหม้อ ระดับน้ำสูง 70 ซม. ใช้ทางเลี่ยงท้องถิ่น
14. จ.ตาก (การจราจรผ่านไม่ได้ 1 แห่ง)
– ทล. 1175 ห้วยส้มป๋อย – เจดีย์ยุทธหัตถี ช่วง กม.ที่ 55+300 คันทางทรุดตัว ใช้ทางเลี่ยง ทล.12 แทนเดินทางไปอ.บ้านตาก
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางหลวงเดินทางด้วยความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงเส้นทางที่คาดว่าจะเกิดความสุ่มเสี่ยง พร้อมขอให้ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และหากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และสามารถติดตามการรายงานสถานการณ์สภาพเส้นทางได้ที่ทวิตเตอร์กรมทางหลวง @prdoh1