JWD เดินหน้าขยายฐานธุรกิจ B2C ผนึกความร่วมมือ MyCloudFulfillment สตาร์ตอัพไทยชั้นนำ รุกเข้าสู่ธุรกิจ ‘คลังสินค้า Fulfillment’ รองรับผู้ค้าขายออนไลน์ เปิดบริการย่านมีนบุรี ก.ย.64 คาดปี66 มีผู้ใช้บริการเต็มสร้างรายได้แตะ 100 ล้านบาท พร้อมวางแผนขยายพื้นให้บริการเพิ่มเติม ขยายประเภทสู่ cold chain fulfillment และสบายปีกในภูมิภาคอาเซียน
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน เปิดเผยว่าตามแผนโรดแมปกลยุทธ์ 5 ปี สู่เป้ายอดขาย 10,000 ล้าน ต้องการรุกขยายฐานธุรกิจจาก B2B สู่ B2C มากขึ้น เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของตลาดอีคอมเมิร์ซซึ่งมีโอกาสเติบโตอีกมาก ทำให้ดีมานด์ด้านการจัดการคลังสินค้าออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ขณะที่ผู้เล่นในตลาดยังมีจำนวนไม่มาก บริษัทฯ มองเห็นเป็นโอกาสในการรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ‘คลังสินค้า Fulfillment’ เพื่อให้บริการจัดเก็บ แพ็คและจัดส่งครบในที่เดียว โดยร่วมมือกับ MyCloudFulfillment ผู้ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์อันดับ 1 เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขายสินค้าทางออนไลน์และผู้ประกอบการที่มีช่องทางจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ ที่มีความต้องการเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้า บรรจุหีบห่อและจัดส่งถึงมือผู้รับปลายทางแบบครบวงจร ช่วยให้การจัดการออเดอร์หลังบ้านเป็นเรื่องง่ายและเป็นส่วนสำคัญในซัพพลายเชนของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ กล่าวได้ว่าเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายมาเชื่อมเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มสปีดในให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ในการนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ MyCloudFulfillment เป็นสตาร์ตอัพไทยผู้ให้บริการคลังสินค้า Fulfillment ชั้นนำในประเทศ บริการเก็บ แพ็ค ส่งสินค้าครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 6 ปี มีซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยในการขับเคลื่อนธุรกิจ ได้รับรางวัลชนะเลิศจากโครงการ Startup Thailand 2017 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และรองชนะเลิศจากโครงการ Digital Ventures ของธนาคารไทยพาณิชย์ อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 2 startup ของไทย ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น Forbes Asia 100 to watch ในปีนี้ อีกด้วย
ความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทำสัญญากับ MyCloudFulfillment เพื่อให้เช่าคลังสินค้า JWD Fulfillment ย่านมีนบุรี พื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตร ส่วนระบบหลังบ้านสำหรับจัดการร้านค้าออนไลน์จะถูกดำเนินการโดย MyCloudFulfillment ซึ่งมีความชำนาญและเข้าใจผู้ประกอบการที่ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นอย่างดี เช่น ระบบจัดการออเดอร์, ตรวจสอบสต๊อกสินค้าแบบเรียลไทม์, การวิเคราะห์ดาต้าเพื่อเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจและเพิ่มโอกาสในการขาย เป็นต้น โดยสามารถรอบรับออเดอร์สูงสุดวันละ 30,000 หรือ 1,000,000 ออเดอร์ ต่อเดือน
“เราเปิดให้บริการคลังสินค้า Fulfillment แห่งแรกในย่านมีนบุรี เมื่อวันที่ 1 กันยายน ปัจจุบันได้เริ่มนำเสนอบริการแก่ฐานลูกค้า B2B ปัจจุบันของ JWD แล้ว โดยบริษัทฯ จะมีรายได้ 2 ส่วนคือ รายได้จากการให้เช่าคลังสินค้าแก่ MyCloud Fulfillment และรายได้จากการคิดค่าบริการ Fulfillment จากลูกค้า คาดว่าในปี 2565 ธุรกิจ คลังสินค้า Fulfillment จะสร้างรายได้ 50 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการใช้บริการ 50% และในปี 2566 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นแตะ 100 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการใช้บริการ 100%” นายชวนินทร์ กล่าว
การร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายบริษัทฯ ที่มองโอกาสลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัพที่มีศักยภาพ สามารถต่อยอดกับธุรกิจเดิมของ JWD โดยมองว่า MyCloudFulfillment เป็นสตาร์ตอัพไทยอันดับต้นๆ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดำเนินธุรกิจคลังสินค้า Fulfillment มีการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจสำหรับลูกค้าผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ ช่วยเพิ่มความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนร่วมมือทางธุรกิจในระยะยาวกับ MyCloudFulfillment ในการวางแผนขยายพื้นที่ให้บริการ ขยายประเภทสู่ Cold Chain Fulfillment ทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน
ด้าน นายนิธิ สัจจทิพวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MyCloudFulfillment บริษัท อี-เอ็มพาวเวอร์เมนท์ จำกัด กล่าวว่า การที่ JWD ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่มีประสบการณ์ยาวนานและมากความสามารถในหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งในไทยและอาเซียน ช่วยเสริมศัพยภาพให้ MyCloudFulfillment ในการขยายพื้นที่คลังสินค้า ขยายฐานลูกค้าและยกระดับการให้บริการ Fulfillment แบบครบวงจรครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ผมเชื่อมั่นว่าการผสานจุดแกร่งของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด