“คมนาคม”ห่วงความปลอดภัยผู้ใช้ทางพิเศษ จี้กทพ.ตรวจสอบความแข็งแรง 2 จุดไฟไหม้ใต้ทางด่วน

0
90

คค.จี้กทพ.เร่งตรวจสอบความแข็งแรง 2 จุดใต้ทางด่วนหลังมีเกิดเหตุการณ์จุดไฟเผา ย้ำแนวปฏิบัติ 2 กรณีหากโครงสร้างยังแข็งแรงให้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ-มั่นใจใช้บริการ หากมีผลกระทบโครงสร้างให้ปิดปรับปรุงแก้ไขให้เร็วที่สุด

นายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการฝ่ายก่อสร้างและบำรุงรักษา การทางพิเศษแห่งประเทศไทย เเถลงข่าวผ่านระบบZoom ว่าหลังเกิดเหตุการณ์จุดไฟเผารถใต้ทางพิเศษ บริเวณทางลงถนนวิภาวดีรังสิต ( ดินแดง ) ของทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางลงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (พหลโยธิน1)ของทางพิเศษศรีรัช จากการชุมนุมทางการเมือง จึงทำให้โครงสร้างทางพิเศษมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เนื่องจากโครงสร้างทางพิเศษ เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หากได้รับความร้อนสูงเป็นระยะเวลานาน อาจมีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อความแข็งแรงและความสามารถในการรับน้ำหนักของโครงสร้าง

ทั้งนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม มีความห่วงใยถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ทางพิเศษ จากกรณีมีการเผารถบริเวณตอม่อของทางด่วนดังกล่าว จึงได้สั่งการให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ตรวจสอบความแข็งแรงและความสามารถในการรับน้ำหนักของโครงสร้างทางพิเศษในส่วนที่มีการจุดไฟเผา โดยให้ร่วมกับสมาคมวิชาชีพ เช่น วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ปฏิบัติเป็น 2 กรณีดังนี้

1. กรณีตรวจสอบแล้วเพลิงไหม้ไม่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของโครงสร้างให้ประชาสัมพันธ์ผลการตรวจสอบให้ประชาชนรับทราบ เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้บริการ

2. กรณีตรวจสอบแล้วเพลิงไหม้ ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของโครงสร้าง ให้ปิดการใช้งานโครงสร้างที่ได้รับผลกระทบและดำเนินการปรับปรุงแก้ไขโดยเร็วที่สุด และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบผลกระทบและแนวทางแก้ไข ตลอดจนแผนการบริหารจัดการจราจรระหว่างการปรับปรุง และเมื่อแก้ไขแล้วเสร็จให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอีกครั้ง

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ กทพ. กำหนดแผนการป้องกันในอนาคตร่วมกับฝ่ายความมั่นคงและป้องกันสาธารณภัย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการจุดไฟเผาอาคาร ยานพาหนะ หรือโครงสร้างบริเวณใต้ทางพิเศษอีก พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการกรณีที่ไม่สามารถป้องกันได้ เพื่อยุติหรือระงับเหตุโดยเร็วที่สุด

กระทรวงคมนาคม ขอความร่วมมือให้พึงระวังการเผาใกล้โครงสร้างทางด่วนหรือสะพาน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อตัวโครงสร้างและอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทาง