ยังเป็นปมให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุดหย่อนจริงๆสำหรับปัญหา “เงินรางวัล”หรือ“ส่วนแบ่งเงินนำจับปรับ”ผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เฝ้าสังคมฟาดหนักๆแรงๆมานานแล้วว่าไม่ว่าจะมองมุมเหลี่ยมไหนมันไม่สมเหตุสมผลโดยประการทั้งปวง ที่ควรจะได้รับส่วนแบ่งนี้เข้ากระเป๋าตัวเอง
เพราะเป็น“แรงจูงใจ”ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบธรรม เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ทับซ้อนโดยมีตัวบทกฎหมายมาเป็นฉากบังหน้าบนความลำบากเดือดร้อนของประชาชน และเรียกร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอด เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเจ้าหน้าที่รัฐในสายตาประชาชน
ฟากสตช.ก็อ้างมาโดยตลอดว่าปมปัญหานี้ทางสตช.ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ก็ต้องรอให้มีการแก้ไขข้อบังคับและระเบียบจากกระทรวงการคลังเสียก่อน!
ล่าสด ก็มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ โดยคนเก่าคนเดิมมือแก้กม.จราจรระดับพระกาฬ “พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ”รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 คณะทำงานแก้ปัญหาจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “คุยเรื่องจราจรกับเอกรักษ์” ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.เป็นต้นไป การจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ด้วยกล้องตรวจจับ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะไม่สามารถเบิกเงินรางวัลได้แล้ว
เนื่องจากมีข้อบังคับและระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการหักเงินค่าปรับ กรณีจับกุมผู้กระทำความผิดด้วยเครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 27 พ.ค.มีผลตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.เป็นต้นไป ให้นำเงินดังกล่าวมาใช้ในกิจการที่เกี่ยวข้องกับงานจราจรในภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เฉกเช่นเงินงบประมาณแผ่นดินเท่านั้น จึงไม่สามารถใช้เป็นเงินรางวัลให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุมได้ ส่วนการจับกุมในความผิดซึ่งหน้ายังคงมีการเบิกจ่ายเงินรางวัลเช่นเดิม
เพราะฉะนั้น ความผิดขับรถเร็ว ฝ่าไฟแดง แซงเส้นทึบ ฯลฯ ที่เป็นใบสั่งทางไปรษณีย์จากกล้องตรวจจับ ตำรวจจราจรไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ได้รับเงินรางวัลแล้ว”
สรุปใจความจากท่านพล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ คือ 28 พ.ค.64 เป็นต้นไป เงินส่วนแบ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยได้ ต่อไปนี้จะไม่ได้รับในส่วนนี้แล้ว แต่จะนำส่วนไปนี้ไปใช้ในกิจการที่งานจราจรในภารกิจของสตช.ส่วนการจับกุมในความผิดซึ่งหน้ายังมีการเบิกจ่ายเหมือนเดิม
แหม่ะ!ดูจากการเปลี่ยนแปลงนี้แม้จะออกมาดูดี ทว่า เงินในส่วนแบ่งที่แต่เดิมมันกระจายเข้ากระเป๋าเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาครั้งนี้เงินก้อนเดิมมันก็ไม่ได้หายไปไหนแต่มันยังอยู่เพียงแค่ถูกจัดเก็บไว้ในกระเป๋ากลางสตช.เพื่อนำไปใช้จ่ายภารกิจงานจราจรอะไรเทือกนั้น
แปลความว่าแม้กระเป๋าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นรายบุคคลจะไม่ตุง กลับไปพอกพูนที่กระเป๋ากลางเพื่อรอให้ถูกแปรธาตุไปใช้จ่ายในภารกิจงานจราจรอยู่ดี แก้ทั้งทีทำไมไม่แก้ให้นำเงินส่วนนี้ตกเป็นงบกลางงบประมาณแผ่นดินไปโลดครับท่านเอกรักษ์
และแม้กินแห้วในการแก้ไขระเบียบใหม่นี้ ทว่า ส่วนแบ่งเงินนำจับจากการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้าก็ยังอยู่ยงคงกระพันให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานยัง… “หวานคอแร้ง”อยู่เหมือนเดิม แปลความว่ายังสามารถตั้งด่านจับปรับความเร็ว-ฝ่าไฟแดง-แซงเส้นทึบซอยจุ๊ตับหวานจิ้มน้ำจิ้มขมๆเข้าปากอยู่ดี
…จริงหรือไม่จริงน้อครับท่านเอกรักษ์ที่เคารพ?
:ขันธ์ธีร์