จากกรณีร้านอาหารไทยในประเทศสิงคโปร์นำผลิตภัณฑ์เลือดหมูจากประเทศไทย ไปเป็นวัตถุดิบประกอบอาหารเพื่อจำหน่าย กระทั่งถูกดำเนินคดีโดยสำนักงานอาหารสิงคโปร์ ฐานนำเข้าและจำหน่ายอาหารมีเลือดเป็นส่วนประกอบ ซึ่งถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายของสิงคโปร์นั้น
นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ย้ำว่า การผลิตอาหารของประเทศไทยมีมาตรฐานอาหารปลอดภัยในระดับสูง โดยเฉพาะการผลิตสุกรและผลิตภัณฑ์สุกร ที่ทุกกระบวนการต้องผ่านมาตรฐานต่างๆ ตามที่กรมปศุสัตว์กำหนด ตั้งแต่การเลี้ยงสุกรที่ต้องได้มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มสุกร (Good Agricultural Practices : GAP) ส่วนโรงฆ่าสัตว์ต้องได้รับการรับรองการปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงฆ่าสัตว์ (Good Manufacturing Practice : GMP) จนถึงโรงงานแปรรูปก็ต้องปฏิบัติตามหลักสุขลักษณะที่ดีในการผลิตอาหาร (Good Hygienic Practice : GHP) และการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Point : HACCP) ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าสุกรและผลิตภัณฑ์สุกรที่ผลิตภายใต้มาตรฐานดังกล่าวนี้ มีความสะอาด ปลอดภัย ปลอดสาร เหมาะสำหรับการบริโภคอย่างแน่นอน
“มาตรฐานดังกล่าวเป็นมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตสุกร เพื่อให้ตลอดห่วงโซ่มีการกำกับทั้งกระบวนการ ทำให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้มีมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์เลือดหมูต้มสุก ถือว่ามีกระบวนการผลิตที่สะอาดมาก อย่างเช่นที่โรงฆ่าสุกรบางคล้าภายใต้กำกับของกรมปศุสัตว์นั้น ในการผลิตเลือดหมูต้ม หลังจากเชือดแล้ว เลือดจะถูกดึงจากตัวหมูด้วยมีด Vacuum ทำให้ไม่มีการสัมผัสพื้นตลอดการผลิต เลือดที่ได้จะถูกส่งเข้าถังเก็บโดยระบบท่อ จากนั้นบรรจุลงถาดและปิดผนึก ก่อนเข้ากระบวนการให้ความร้อนด้วยหม้อความดัน ที่อุณหภูมิ 90-95 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 110 นาที ซึ่งเป็นระดับที่ทำลายเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคต่างๆได้ทั้งหมด ที่สำคัญประเทศไทยไม่มีการส่งออกเลือดหมูเข้าสิงคโปร์ เพราะทราบดีถึงข้อกฎหมายดังกล่าว จึงขอเตือนประชาชนที่ประกอบการหรือจะเดินทางไปประเทศใดก็ตาม ให้การศึกษากฎหมายอย่างละเอียด และไม่ละเมิดกฎหมายของประเทศนั้นๆ” อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าว
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ถูกลักลอบเข้าไปในประเทศสิงคโปร์นั้น จากการตรวจสอบพบว่า เป็นผลิตภัณฑ์เลือดหมูต้มที่ได้มาตรฐานการผลิตและมีความปลอดภัยสำหรับการบริโภค