สหไทย เทอร์มินอล (PORT) หนึ่งในผู้นำการให้บริการท่าเทียบเรือและโลจิสติกส์แบบครบวงจร เข้าร่วมกิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุนปี 2563 รายงานผลการดำเนินงานกำไรสุทธิปี 2563 กำไร 60.78 ล้านบาท
คุณวรวิทย์ เอื้อทรัพย์สกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT เปิดเผยว่าผลประกอบการรวมปี 2563 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,347.23 ล้านบาท ลดลง 11.87 % จากรายได้รวม 1,528.72 ล้านบาท เทียบกับปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 332.51 ล้านบาท ลดลง 9.49 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 60.78 ล้านบาท ลดลง 44.26 % จากกำไรสุทธิ 109.04 ล้านบาท ในปี 2562 ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) อย่างหนักโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก และยังต้องติดตามสถานการณ์คาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งผลกระทบตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2563 อันเกิดการปรับเปลี่ยนช่องทางการขนส่งโดยตู้คอนเทนเนอร์ถูกส่งไปยังประเทศกลุ่มทรานซ์แปซิฟิก ซึ่งมีปริมาณการค้ากับสหรัฐอเมริกาสูง เช่น จีนและเวียดนามอย่างใกล้ชิด”
คุณบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT กล่าวเสริมว่าสำหรับปีนี้ยังคงมีภาวะตู้สินค้าขาดแคลนเป็นปัจจัยกดดันต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว แต่บริษัทฯยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโต 15% จากการขยายธุรกิจที่ต่อเนื่องจากกิจกรรมท่าเรือ เพื่อดึงจุดแข็งของ PORT ที่เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง โดยในไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทฯประสบความสำเร็จในการขอใบอนุญาตจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บนทั่วไป (Bonded Warehouse) และมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาใช้บริการคลังสินค้าในรูปแบบห้องเย็นในเขตพื้นที่รับอนุญาตดังกล่าวตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนการเติบโตในส่วนของการขนส่งทางบกต่อเนื่องจากปีก่อน ประกอบกับคาดการณ์ว่าสถานการณ์ตู้สินค้าขาดแคลนที่มีสัญญาณคลี่คลายอย่างต่อเนื่อง
“บริษัทฯยังคงเดินหน้าโครงการใหม่ทั้ง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 40 ไร่ คาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2564 โดยจะเปิดในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพมหานคร ผ่านบริษัท บริษัท บางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (Bangkok Logistics Park) ซึ่ง PORT ร่วมทุนกับกลุ่มเฟรเซอร์สฯ ผู้นำการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมไทย และโครงการท่าเรือแห่งใหม่แห่งที่ 3 ผ่าน บริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอมินอล จำกัด (Bangkok River Terminal) ซึ่ง PORT ร่วมลงทุนกับบริษัท APM Terminals จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ A.P.Moller-Maersk สายเรืออันดับหนึ่งของโลก และกับกลุ่มน้ำตาลมิตรผลเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 โครงการทั้ง 2 ต้องชะลอการเปิดดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบของไวรัสฯ หากโครงการทั้ง 2 ได้เริ่มเปิดดำเนินการ บริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจอีกด้วย”