สถานการณ์โควิดทั่วโลกเริ่มจะเบาบ้างเล็กน้อย หลังจากหลายประเทศได้รับวัคซีนแล้วก็ตาม แต่ภารกิจกู้วิกฤติโควิดประเทศไทยวันนี้ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม กระทรวงสาธารณสุขโดยโฆษก ศบค.ประกาศย้ำเตือนผ่านศูนย์ ศบค. แทบทุกวันว่าทุกคน “ยกการ์ดสูงๆ การ์ดห้ามตกเด็ดขาด เราอย่าประมาทเด็ดขาด”
ขณะที่รัฐบาลใช้มาตรการเยียวยาขนาดใหญ่หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ โดยกำหนดแผนดำเนินงานภายใต้ศูนย์รวมรัฐ – เอกชน ช่วยไทยกอบกู้เศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโลจิสติกส์ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบไม่น้อยต่างปรับตัวต่อสู้ฝ่าวิกฤติโควิดจากรอบแรกสู่โควมีการปรับตัว เพื่อฝ่าวิกฤติครั้งนี้ด้วยกันอย่างไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โควิดที่ส่งผลกระทบผู้ประกอบการรายเล็ก – รายใหญ่ และทางออกในเบื้องต้นนั่นคือต้องปรับตัว เพื่อฝ่าวิกฤติโควิดครั้งนี้ไปให้ได้
ผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ตนเปิดร้านขายอะไหล่รถยนต์ และบริการส่งสินค้า โดยเน้นที่ขายล้อรถยนต์ทั้งล้อใหม่และล้อรถมือสอง สำนักงานร้านตั้งอยู่บริเวณย่านถนนประเสริฐมนูกิจ เขตวังทองหลาง กทม.
ภายหลังเกิดวิกฤติโควิด – 19 ยอมรับว่า ธุรกิจได้รับผลกระทบ เนื่องจากยอดขายสินค้าแต่ละวันลดลงต่างจากก่อนเกิดโควิด และเมื่อเกิดวิกฤตร้านจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์วิธีการขนส่งสินค้าบ้าง เพื่อให้สอดคล้องกันสถานการณ์ โดยเพิ่มปริมาณขนส่งล้อรถยนต์ในแต่ละเที่ยวให้มากขึ้น เพื่อประหยัดเที่ยววิ่งสามารถลดต้นทุนขนส่ง
อย่าง เช่น วันนี้ ( 19 ก.พ.64 ) ก็มีลูกค้ารายหนึ่งว่าสั่งซื้อล้อรถและให้ไปส่งแถวย่านมีนบุรี ออเดอร์ผู้ลูกค้ารายนี้สั่งล้อรถกว่าร้อยเส้น เราจึงจำเป็นต้องบรรทุกให้เต็มคันรถต่อการขนส่งในเที่ยวเดียว
“ทั้งนี้ เพื่อลดต้นทุน ค่าขนส่ง เราบรรทุกสินค้าอัดเต็มพื้นที่ในรถปิกอัพคันเดียว นี่เป็นวิธีที่ผู้ประกอบการมักใช้วีธีนี้ ซึ่งในต่างจังหวัดก็มีให้เห็นบางในบางพื้นที่”