(กทท.) เตรียมประกวดราคาจ้างเหมาขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือและแอ่งจอดเรือท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อให้เรือสินค้าสามารถแล่นผ่านเข้า-ออก และเทียบท่าเรือสะดวกและปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ สร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการตามมาตรฐานสากล และเพื่อจูงใจให้สายการเดินเรือนำเรือสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาใช้บริการที่ ทลฉ. มากขึ้น โดยจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 360 วัน
เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เตรียมประกวดราคาจ้างเหมาขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือและแอ่งจอดเรือที่ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) บริเวณแอ่งจอดเรือที่ 1 (Basin 1) แอ่งจอดเรือที่ 2 (Basin 2) และร่องน้ำทางเดินเรือ (Fairway) เพื่อให้เรือสินค้าสามารถแล่นผ่านเข้า-ออก และเทียบท่าเรือได้อย่างสะดวกและปลอดภัย อีกทั้งเป็นการบำรุงรักษาระดับความลึกของร่องน้ำให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด สร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจในการให้บริการ พร้อมทั้งใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับแผนการจัดจ้างดังกล่าว แบ่งเป็น 2 งาน ได้แก่ แผนการก่อสร้างขุดลอกร่องน้ำบริเวณแอ่งจอดเรือที่ 1 (Basin 1) แอ่งจอดเรือที่ 2 (Basin 2) และแผนการก่อสร้างขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือ (Fairway) จากการคำนวณปริมาณดินพื้นที่ที่จะขุดลอกบริเวณแอ่งจอดเรือที่ 1 พบว่ามีปริมาณดินเหนือเกณฑ์ประมาณ 401,921 ลูกบาศก์เมตร และบริเวณแอ่งจอดเรือที่ 2 มีปริมาณดินเหนือเกณฑ์ประมาณ 568,139 ลูกบาศก์เมตรบริเวณปากร่องน้ำทางเดินเรือถึงหน้าท่า A5 มีปริมาณดินเหนือเกณฑ์ประมาณ 828,380 ลูกบาศก์เมตรพร้อมจัดทำแผนที่ร่องน้ำทางเดินเรือ และแอ่งจอดเรือก่อนดำเนินการขุดลอก และสำรวจแผนที่แหล่งทิ้งวัสดุขุดลอก เนื่องจากต้องคำนึงถึงผลกระทบจากการทิ้งตะกอนดิน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามที่กรมเจ้าท่ากำหนดไว้ ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างเพียงพอสำหรับตะกอนดินที่จมลงสู่พื้นท้องทะเลได้อย่างปลอดภัย
การขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือและแอ่งจอดเรือที่ ทลฉ. เป็นการบำรุงรักษาระดับความลึกของร่องน้ำให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ เพื่อให้เกิดความสะดวก ปลอดภัยในการเดินเรือต่อผู้ใช้บริการ สร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และเพื่อเป็นการจูงใจให้สายการเดินเรือนำเรือสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาใช้บริการที่ ทลฉ. มากขึ้น โดยจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 360 วัน และในระหว่างการดำเนินการจะมีการติดตั้งเครื่องมือและสัญญาณต่าง ๆ เช่น ไฟสัญญาณอันตราย ป้ายเตือน ฯลฯ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อการสัญจรทางน้ำหรือกิจกรรมอื่น ๆในบริเวณพื้นที่โครงการด้วย