คงพอจำกันได้เมื่อเกือบสองปีที่แล้วกลุ่มบริษัทโชคนำชัย ได้สร้างปรากฎการณ์หน้าใหม่เขย่าวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยการเปิดตัวรถมินิบัสอลูมิเนียมแบรนด์“Sakun.C หรือ สกุลฎ์ซี”Aluminum Bus ตัวถังซูเปอร์คาร์สัญชาติไทยเจ้าเดียวในประเทศไทย ชูจุดเด่น“น้ำหนักเบา ประหยัดน้ำมัน แข็งแรงทนทาน ไม่เป็นสนิม หลังคาชิ้นเดียว ไร้ปัญหาน้ำรั่วซึม” และได้รับกระแสตอบรับเกินคาดด้วยยอดสั่งจองถล่มถลาย
ครั้นเข้าสู่ปี 2563 แม้ปีนี้จะประสบปัญหาอุปสรรคจากภาวะวิกฤติโควิด-19 เฉกเช่นวงล้อธุรกิจอื่นๆ ทว่า กลุ่มบริษัทโชคนำชัยก็ไม่ยังหยุดนิ่งอยู่แค่นั้นยังเดินหน้าสยายปีกต่อยอดความสำเร็จด้วยการผนึกความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง“ยานพาหนะไฟฟ้า”ตามแรงโน้มถ่วงจากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยียนตรกรรมโลกสมัยใหม่ ที่ทางกลุ่มบริษัทโชคนำชัยมองเห็นโอกาสและทิศทางการเติบโตในอนาคต และเพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยสามารถสู้ได้กับต่างประเทศในแง่มุมคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ รวมถึงราคา นวัตกรรม เทคโนโลยี และบริการหลังการขาย
เราไปดูไทม์ไลน์กันว่าแบรนด์ “สกุลฎ์ซี” ภายใต้กลุ่มบริษัทโชคนำชัยกำลังขับเคลื่อนภารกิจอันท้าทายและแรงกระหายอันแรงกล้าในฐานะผู้ประกอบการสัญชาติไทยไปในทิศทางไหน?กับการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไทย พร้อมปลุกเร้าแรงหนุนจากสังคมไทยและภาครัฐช่วยสนับสนุนผู้ประกอบไทยให้สามารถยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งตัวเอง และมีขีดความสามารถเพียงพอกับการแข่งขันและต่อกรได้กับต่างประเทศในแง่คุณภาพมาตรฐานสากลที่แม้เราจะไม่ใช่ประเทศต้นทางในหลายเทคโนโลยีก็ตาม
ลุยโหมดทางน้ำเต็มสูบ-พัฒนาเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าลำแรกของไทย
แบรนด์“สกุลฎ์ซี”ภายใต้กลุ่มบริษัทโชคนำชัยในฐานะผู้ประกอบการสัญชาติไทยได้สร้างความฮือฮาในแวดวงการขนส่งทางน้ำอีกครั้ง ด้วยความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการพัฒนา-ผลิตเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าลำแรกของไทย เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเรือไฟฟ้าของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งการออกแบบ ขบวนการผลิต วัสดุ และเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานสากลทัดเทียมต่างประเทศ เพื่อเสริมความปลอดภัยในการขนส่งทางน้ำ อีกทั้งยังเป็นยกระดับมาตรฐานการขนส่งทางน้ำ และส่งเสริมการพาณิชยนาวีของไทยอย่างเป็นรูปธรรม อีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางที่สะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โชว์ผลงาน “EV Aluminum Bus”ครั้งแรกของไทย
ล่าสุด กลุ่มบริษัทโชคนำชัยก็ได้โชว์ผลงานชิ้นเอกอุเขย่าวงการรถบัสด้วยการผลิต “รถเมล์ดัดแปลงไฟฟ้า”ที่เปลี่ยนตัวถังเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด ครั้งแรกของไทย ถือเป็นรถบัสโดยสารตัวถังอลูมิเนียมสัญชาติไทยขนานแท้ และเป็นอลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ผลิต Super Car แต่กลุ่มบริษัทโชคนำชัยนำมาใช้เพื่อผลิตรถบัส EV สำหรับคนไทย มีน้ำหนักเบากว่า แข็งแรงกว่า อายุใช้งานได้ยาวนาน ไม่ผุกร่อนหรือเป็นสนิม เหมาะกับการใช้เป็นตัวถังรถไฟฟ้า เอื้อต่อการใช้แบตเตอรี่ได้นานและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ว่ากันว่าเส้นทาง EV Aluminum Bus ขนาด 12 เมตรนี้ผลิตขึ้นเพื่อเป็น“รถต้นแบบ” ซึ่งยังไม่ใช่การผลิตแบบ Mass Production และเตรียมส่งมอบให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)ใช้เป็นต้นแบบของยานพาหนะรุ่นใหม่ที่จะนำมาใช้ปฏิรูประบบขนส่งขสมก.ภายใต้แผนฟื้นฟูล่าสุดที่เปิดทางจ้างให้เอกชนเป็นผู้เดินรถ หากเอกชนรายใดประมูลได้ก็จะเป็นผู้เลือกรถ ส่วนแบรนด์ “สกุลฎ์ซี” ภายใต้กลุ่มบริษัทโชคนำชัยก็จะรับผลิตและจำหน่ายรถไทยแท้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเอกชนทุกราย ถือเป็นการขยายโอกาสให้กับกลุ่มโชคนำชัยได้ขับเคลื่อนและพัฒนาต่อเพื่อช่วยยกระดับมาตรฐานรถโดยสารสาธารณะให้กับระบบขนส่งมวลชนของประเทศได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนา-ผลิตรุ่นต่อไป คือขนาด 12 เมตรแบบชานต่ำป้อนเข้าสู่ตลาด และได้ข่าวว่ารถมินิบัสขนาด 7 เมตรที่มีการพัฒนากว่า 2 ปี และมาติดปัญหาวิกฤติโควิดในปีนี้กำลังใกล้คลอดแล้ว ว่ากันว่ารถคันนี้เป็น“รถคันแรก”ของโลกที่เป็นตัวถังอลูมิเนียม ที่น่าทึ่งกว่านั้นจะเป็นการใช้แม่พิมพ์ปั้มและฉีดขึ้นรูป ประกอบและทำสีโดย“หุ่นยนต์” เทคโนโลยีทันสมัยระดับโลกเพื่อลบภาพการโป๊สีรถแบบเดิมๆไปโดยสิ้นเชิง
เน้นอุตสาหกรรม supply chain ผลิตแล้วราคาสู้ตลาดสากลได้
ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของกลุ่มโชคนำชัยต้องการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เป็นการผลิตในรูปแบบ Supply chain ทุกห่วงโซ่คุณค่าต้องเติบโตไปด้วยกันได้ ไม่ใช่การพัฒนาขึ้นมาเพื่อชนหรือแข่งขันกับผู้ประกอบการไทยด้วยกันเอง เป้าหมายมุ่งเติบโตในไทยแล้วสยายปีกสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างองอาจ เราคงไม่ปลื้มแน่ๆหากกวาดสายตามองตลาดเพื่อนบ้านเราทั้งเวียดนามและอินโดนีเซียที่เขาเริ่มพัฒนาและจะแซงหน้าไทยเราแล้ว
ภายใต้วิสัยทัศน์นี้ใครชำนาญการชิ้นไหนก็ผลิตชิ้นนั้นมุ่งเน้นสู่ความเป็น Mass Production แล้วส่งเข้ามาโรงงานประกอบ ทำให้ง่ายต่อการควบคุมราคา รวดเร็ว และผลิตได้ในปริมาณที่มาก อีกทั้งต้องควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีอย่างแท้จริง และเมื่อไทยเราพัฒนาและผลิตเองออกมาแล้ว“ราคา”ต้องสู้กับตลาดสากลได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ จะเป็นการลบภาพครรลองเดิมๆที่ไทยเราเคยขับเคลื่อน คือการแย่งกันเป็นนายหน้านำเข้าทั้งคันจากต่างประเทศแล้วมาถอดประกอบเป็นชิ้นส่วนโดยปริยาย ซึ่งหากเป็นครรลองเดิมไม่ต่างอะไรกับการ “ปิดประตูลั่นดาน”ไม่ให้ผู้ประกอบการไทยได้แจ้งเกิดในการพัฒนา-ผลิตทุกชิ้นส่วนได้ ทั้งที่ความเป็นจริงผู้ประกอบการไทยเองก็มีศักยภาพไม่แพ้ต่างประเทศ
ดังนั้น ไทยเองก็ควรผลิตเองเป็น“จุดตั้งต้น”หากอนาคตข้างหน้ามีความชำนาญแล้ว มอเตอร์หรือชิ้นส่วนอื่นๆที่เคยสั่งนำเข้ามาถึงวันนั้นไทยเองก็ควรผลิตเองและต่อยอดไปเรื่อยๆ เป็นการเปิดทางเลือกให้ผู้ประกอบการไทยได้“ลืมตาอ้าปาก” อีกทั้งได้สำแดงขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างภาคภูมิใจ นอกเหนือคุณูปการจากการสร้าง“งาน-รายได้-อาชีพ”เพิ่มมูลค่าให้กับทุกห่วงโซ่การผลิต และสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ-อุตสาหกรรมไทยด้วยกันเองในภาพรวมแล้ว
มองอีกคมเหลี่ยมหนึ่งก็เหมือนโลหะกำแพงกันต่างชาติไม่ให้เข้ามาแย่ง“ชิ้นปลามัน”ในไทยได้สนุกปากสะดวกโยธินเหมือนเดิมอีกต่อไป!
ร่วมวงศ์ไพบูลย์ลุยระบบราง-รถไฟเร็วๆนี้
จากความสำเร็จในการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่สามารถสร้างชื่อและปรากฏการณ์หน้าใหม่ในแวดวงยานยนต์ทั้ง“รถและเรือ”ดังผลงานประจักษ์ชัดต่อสายตาสังคมแล้ว แว่วมาว่าอีกไม่นานเกินรอจากนี้ไป เราจะได้เห็นก้าวย่างสำคัญของแบรนด์ “สกุลฎ์ซี” ภายใต้กลุ่มบริษัทโชคนำชัยในสถานีต่อไปกับการกระโดดร่วมวงศ์ไพบูลย์ลุยศึกแข่งขันในอุตสาหกรรม“ระบบราง-รถไฟ”อีกโหมดการเดินทางสู่เทรนด์การเปลี่ยนแปลงที่มีทิศทางการเติบโตสดใสและน่าจับตาถึงวันนั้นเราคงเห็นได้ปรากฎการณ์หน้าใหม่และเป็นอะไรที่วงการต้องฮือฮาเป็นแน่แท้!
นี่คือไทม์ไลน์ที่กลุ่มบริษัทโชคนำชัย และสกุลฎ์ซี แบรนด์สัญชาติไทยได้ฉายภาพถึงศักยภาพที่พร้อมเกินร้อย แล้วภาครัฐล่ะพร้อมหรือยังกับการทุ่มแรงสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง เพื่อผลักดันผู้ประกอบการ-อุตสาหกรรมไทยพุ่งชนเป้าหมาย“เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง”ในทิศทางที่ควรจะเป็น!
เรื่องโดย :วิหคไพร