พิษโควิดถล่มตลาดรถใหญ่!ครึ่งปีแรกดิ่ง 26.5%

0
320

แม้ม่านหมอกควันพิษจากภาวะวิกฤติโควิด-19 ดูจะเจือจางลงหลังรัฐบาลจ่อคลายล็อกเฟส 6 เปิดทางให้เกือบทุกธุรกิจพอหายใจหายคอและเดินหน้ากิจกรรมเชื่อมเศรษฐกิจแบบ New Normal ได้บ้างหลังต้องหยุดชะงักไปนานร่วม 3-4 เดือนท่ามกลางข้อกังวลว่าเจ้าไวรัสมฤตยูโควิดจะกลับมาหลอนคนไทยทั้งประเทศขวัญผวาอีกระลอกเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศทั่วโลกหรือไม่

ผลพวงจากพิษโควิดกระทบหนักต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม โหมกระหน่ำซ้ำเติมหลายภาคธุรกิจดูจะยังโง่หัวไม่ขึ้นจากก้นเหวที่ดิ่งพสุธาจากพิษร้ายโควิดมฤตยูทุกสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 63 ติดลบไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 ส่วนธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจไทยหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจหดตัวมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก อัตราการเติบโตเศรษฐกิจจะหดตัวร้อยละ 5 ในปี 63

เช่นเดียวกับตลาดรถบรรทุกเมืองไทยหลังกระอักพิษเจ้าไวรัสมฤตยูมืดช่วงไตรมาสแรก ส่งผลร้ายต่อยอดขายรวมทุกค่ายทุกสายพันธุ์ร่วงกราวรูดถึง 21.3% อีซูซุพี่ใหญ่ตลาดรถญี่ปุ่นที่ว่าแกร่งทั่วปฐพีก็ไร้อภิสิทธิ์ร่วง 16.2 % ฮีโน่พี่รองโดนด้วย 27.2 % ส่วนยูดีทะยานโตส่วนทางตลาด 47.0 % ฟากฟูโซ่ส่อโคม่าร่วงหนัก 49.5 %

ฟากเวทียุโรปสาหัสไม่แพ้กัน สแกนเนียเจ้าของแชมป์เวทีรถใหญ่ยุโรป 3 ปีซ้อน(60-62)ร่วง 43.0%วอลโว่ ทรัคส์ ร่วง 82.8% ดาวสามแฉกพราวแสงไม่ออกร่วง 47.0% ส่วนพญาราชสีห์ MAN กลับโตแก่นเฟี้ยวพิลึก 57.1%

ครั้นเมื่อกาลเวลาและปฏิทินธุรกิจหมุนผ่านครึ่งปีแรกที่แม้ว่าสถานการณ์วิกฤติโควิดดูจะคลี่คลายลงท่ามกลางข้อกังวลจะกลับมาระบาดอีกระลอกหรือไม่ ทุกค่ายทุกสายพันธุ์ก็ยังไม่หายซึมจากพิษโควิดยอดขายลดฮวบฮาบชนิดน่าใจหาย จากสถิติยอดขายรถใหญ่ครึ่งปีแรกปี 63 (ม.ค.-มิ.ย.) ของทุกค่ายที่รวบรวมโดยบริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พบยอดขายรวมทุกค่ายอยู่ที่ 10,694 คัน หดตัวลง 26.5% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้าที่ 14,488 คัน

Logistics Time ขอใช้พื้นนี้สะท้อนภาพรวมยอดขายของทุกค่ายทุกสายพันธุ์ที่เซิ้งการตลาดในไทย ดังนี้ :

พี่ใหญ่อีซูซุ-พี่รองฮีโน่ ร่วงต่อไม่รอแล้วนะ!

หากจะหั่นย่อยออกเป็นของแต่ละค่ายทั้งฟากญี่ปุ่น-ยุโรป พบว่าค่ายอีซูซุพี่เบิ้มรถใหญ่ผู้อหังการจากแดนซามูไร เจ้าแห่งรถบรรทุกภายใต้สโลแกนสุดฮอตIsuzu King of Trucks” ถือเป็นค่ายรถบรรทุกมหาอำนาจครองความเป็นเจ้าตลาดรถญี่ปุ่นในไทยสร้างความแข็งแกร่งและฐานลูกค้าแน่นปึกในผืนแผ่นดินไทยมาแล้วกว่า 6 ทศวรรษ ที่แต่ละปีทั้งโกยและกวาดยอดขายสบายจนพุงปลิ้น

ทว่าปีนี้มิอาจหลีกหนีผลกระทบจากเจ้าไวรัสมหาประลัยโควิดแม้จะเป็นค่ายยักษ์ใหญ่แกร่งทั่วพสูธาก็ตตามก็ออกอาการเป๋ให้เห็น ครึ่งปีแรกกวาดได้เพียง 5,481 คัน ลดลง 24.01 % เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วที่ 7,213 คัน

ส่วนพี่รองอย่างค่ายฮีโน่ ค่ายรถใหญ่ญี่ปุ่นคู่รักคู่แค้นที่ไล่บี้ไล่เบียดความยิ่งใหญ่เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ใหญ่อีซูซุได้สนุกสุดมันทุกปี ลุยสร้างความแข็งแกร่งและความไว้วางใจลูกค้าชาวไทยมาแล้วกว่า 5 ทศวรรษ แต่ปีนี้เมื่อถูกพญามารอย่างโควิดโผล่มาหลอนครึ่งปีแรกสะสมได้ 4,193 คันลดลง 29.4% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วที่ 5,932 คัน

ล่าสุด ค่ายฮีโน่ดูเหมือนจะเป็นค่ายรถใหญ่ค่ายแรกที่กล้าแหวกหมอกควันพิษโควิดเปิดตัวรถรุ่นใหม่ด้วยการปล่อยรถบรรทุก 4 ล้อรุ่นใหม่“Hino 300 Atom”ผ่านโลกออนไลน์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เบาแบบมีระดับ บรรทุกหนักแบบมืออาชีพ”โชว์จุดเด่นจดทะเบียนพิกัด 2.2 ตันเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ปลดล็อกข้อจำกัดวิ่งได้ 24 ชม.ไม่ติดเวลา พัฒนาช่วงล่างให้แข็งแกร่งเพื่อรองรับทุกการบรรทุก มั่นใจกับประสิทธิภาพการยึดเกาะทุกสภาพถนน รับประกันนาน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

ยูดี แค่เลือดไหลซิบๆ ส่วนฟูโซ่ไหลจนซีด

ส่วนเบอร์สามของตลาดอย่างค่ายยูดี ทรัคส์ที่แม้จะดูแรงดีไม่มีตกและทะยานโตสวนทิศทางตลาดไม่เกรงกลัวพิษโควิด-19 ในช่วงไตรมาสแรกก็ตาม ทว่า หลังเดินทางถึงครึ่งทางปีหนูไฟบรรลัยกัลป์ ยอดขายรวมค่ายยูดี ทรัคส์ปรับหดตัวลงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับค่ายรถญี่ปุ่นด้วยกัน โดยปั้มยอดขายได้ถึง 465 คัน ปรับตัวลดลงแค่ 9.7% เท่านั้นเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วที่ 515 คัน

ขณะที่ความคืบหน้าข่าวร้อนเขย่าวงการรถใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปลายปีที่แล้วกรณีค่ายยักษ์ใหญ่ “อีซูซุ”รุกซื้อกิจการ “ค่ายยูดีทรัคส์”บริษัทในเครือเอบี วอลโว่ สวีเดนในประเทศญี่ปุน มูลค่า 2.50 แสนล้านเยนหรือ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือตีเป็นมูลเงินไทยก็ปาเข้าไปถึง 6.9 หมื่นล้านบาทนั้น ถึงกาลบัดนี้ ณ ดินแดนปลาดิบยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

ขณะความคืบหน้าในประเทศไทยก่อนหน้าที่นี้ แหล่งข่าวระดับสูงจากวอลโว่ ทรัคส์(ประเทศไทย)ได้รายงานว่าความร่วมมือทั้ง 2 ค่ายนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ยูดี ทรัคส์(ประเทศไทย)ก็ยังเดินหน้าการตลาดในไทยเป็นปกติ เมื่อควาร่วมมือทั้ง 2 ค่ายที่ญี่ปุ่นเสร็จสมบูรณ์ หรือจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและการบริหารจัดการรถบรรทุกยูดี ทรัคส์ในประเทศไทยอย่างไรนั้น ทางวอลโว่ กรุ๊ป(ประเทศไทย)จะแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

คาดกันว่าการควบรวมนี้จะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ค่ายให้ดีมากขึ้น และเป็นการสร้างความแข็งแกร่งไปด้วยกัน อีกทั้งเพื่อหาวิธีการที่จะช่วยให้ ยูดี ทรัคส์ สามารถเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งทั้ง2 ค่ายเตรียมที่จะพัฒนารถบรรทุกขนาดเบา และขนาดกลางสำหรับอนาคตต่อไปโดยเฉพาะรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า

ส่วนเบอร์สี่อย่างค่ายฟูโซ่ภายใต้ชายคาหลังใหญ่และหรูหราสมฐานะเดมเลอร์อย่าง DCVT หลังโบยบินจากรังเก่าได้หลายปีก็ยังควานหาฟอร์มเจิดจ้าจรัสไม่เจอท่ามกลางมรสุมทั้งภายใน-นอกถาโถมใส่เล่นงานจนออกอ่าวทะลหวังไปตายเอาดาบหน้าโผล่อีกรอขึ้นฝั่งหายใจที่ดินแดนลอดช่องสิงคโปร์ ผ่านไปครึ่งทางยังสาละวันเตี้ยลงๆเก็บยอดขายได้เพียง 132 คันลดฮวบฮาบ 43.6% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วที่ 234 คัน

สแกนเนีย-วอลโว่ กอดคอกันร่วง

ฟากเวทียุโรปปีนี้ ค่ายสแกนเนีย แม้ดูทิศทางลมลากยาวไปถึงสิ้นปีรัศมีแชมป์เจ้าตลาดรถใหญ่ยุโรป 4 ปีซ้อน(60-63)ยังพราวแสงวิบวับจับทั่วรอบคันก็ตาม ทว่า หลังเผชิญพิษโควิดตั้งแต่ต้นปีผสมโรงด้วยแรงโน้มถ่วงเศรษฐกิจไทยช่วงขาลง ส่งผลกระทบต่อยอดขายในไตรมาสอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ครึ่งปีแรกผ่านพ้นไป ว่าที่แชมป์เวทีรถใหญ่ยุโรป 4 ซ้อน สะสมยอดขายได้ 145 คัน ปรับตัวลดลง 45.5% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วที่ 266 คัน

ฟากค่ายวอลโว่ ทรัคส์ ค่ายคู่รักคู่แค้นของสแกนเนียที่ไล่บี้ไล่เบียดความยิ่งใหญ่บนแผ่นดินไทยมาอย่างยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ เปรียบเป็นมวยคู่เอกแห่งสังเวียนรถใหญ่สายพันธุ์ยุโรป แม้จะเสียท่าให้ค่ายเพื่อนบ้านเดียวกัน 3 ปีติดๆ ถึงกระนั้น ค่ายวอลโว่ ทรัคส์ ยังปักหลักหนึ่งเดียวเป็นคู่ต่อกรค่ายคู่รักคู่แค้นเพื่อนบ้านเดียวกันอย่างสมศักดิ์ศรี

ครั้นถึงปี 63 นี้ดูจะทวีความท้าทายมากยิ่งขึ้น ไหนจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจไทยในทิศทางขาลง ผนวกด้วยพิษวิกฤติโควิด-19 ทำเอายอดขายวอลโว่ ทรัคส์ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันค่ายอื่นๆ โดยยอดขายครึ่งปีแรกวอลโว่ ทรัคส์เก็บมาได้ 90 คันหดตัวลง 53.6% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วที่ 194 คัน

เบนซ์ ซึมลึก MAN โตพิลึก

ฟาก 2 ค่ายรถใหญ่จากเยอรมัน“เมอร์เซเดส-เบนซ์”เจ้าแห่งโลโก้ดาวสามแฉกก็มิอาจสาดแสงเจิดจรัสแหวกม่านหมอกควันพิษโควิดไปได้ อีกทั้งยังดำผุดดำว่ายการตลาดหวังว่ายก้าวข้ามทะเลสีทันดรขึ้นฝั่งให้ได้ด้วยพลังดาวที่พราวแสง แต่ดูแล้วฉายแววไม่ค่อยออกสมฐานะอันอู้ฟู่ของเดมเลอร์เท่าไหร่นัก เพราะไล่เก็บเบี้ยใต้ถุนร้านในครึ่งปีแรกได้เพียง 17 คัน หดตัวลงถึง 63.04% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วที่ 46 คัน

ขณะที่ค่ายพญาราชสีห์ MAN อีกหนึ่งแบรนด์พรีเมี่ยมจากเมืองเบียร์ กับก้าวย่างสำคัญหลังหลุดวงโคจรจากดิสทริบิวเตอร์รายเดิมเมื่อปลายปีที่แล้ว กลับเข้าสู่อ้อมอกของ MAN Truck & Bus Asia Pacific ที่ประกาศเซ็ตอัพ Area APAC ใหม่ในไทย พร้อมวาดวิมานในอากาศที่ไฉไลกว่าเดิม เมิน Importer และเดินหน้าลุยไฟทำตลาด ‘ชงเองกินเอง’ด้วยสโลแกนหรู MAN –Simply #1 ถึงกับลั่นวาจาอีก 3 ปีผงาดเบอร์ 1 หรือ 2 รถใหญ่ยูโรปในไทย

ทว่า พอเข้าสู่ปีหนูไฟบรรลัยกัลป์ 63 สัญญาณจากฐานบัญชาการ Area APAC ใหม่ในไทยกลับ“เงียบกริบ”ไร้สัญญาณวิบวับๆในช่วงต้นปี จากนั้นจนถึงปัจจุบันค่ายพญาราชสีห์ MAN ยังมัวแต่ฆ่าเวลาเปล่าๆปลี้ๆไปกับมหกรรม“ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง”พลางฟอร์มทัพผู้บริหาร-ดีลเลอร์หวังตั้งไข่ให้ยิ่งใหญ่และยืนยงในไทยตามประกาศิตที่เคยหล่นเอาไว้

ล่าสุด ได้ประกาศแต่งตั้งผอ.หนุ่มรูปงามตามท้องเรื่องมากุมบังเหียนลุยไฟการบริหาร การตลาด การขาย และบริการหลังการขายประจำประเทศไทย หวังพุ่งชนเป้าหมายนำพาแบรนด์ MAN ผงาดเป็นยี่ห้อรถบรรทุกเติบโตคู่กับวงล้อโลจิสติกส์ไทย

ทว่า การเข้ามาในห้วงภาวะเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาลง ผสมแรงบวกจากภาวะวิกฤติโควิด อีกทั้งอัตราการแข่งขันตลาดรถใหญ่เมืองไทยดุเดือดเลือดพล่าน ขณะที่ค่ายคู่แข่งผู้นำตลาดเวทีรถใหญ่ยุโรปดูเหนือกว่าทุกขุมกำลัง หลอมรวมเป็น“ภาระกิจสุดหิน-แรงกดดัน”รอให้ผอ.หนุ่มใหญ่ไฟแรงพิสูจน์ความฮึกหาญอยู่เบื้องหน้า

ถึงกระนั้น หลังส่องดูยอดขายค่ายพญาราชสีห์ MAN หลังเดินทางมาถึงครึ่งทาง แม้จะเป็นยอดขายที่ไม่เยอะหากเทียบกับค่ายรถยุโรปเจ้าตลาดในไทย ทว่า กลับเป็นยอดขายที่เติบโตพิลึกกึกกือหากเทียบกับยอดขายเมื่อปีที่แล้ว โดยเก็บตกยอดขายไปได้ 35 คันปรับตัวสูงขึ้นถึง 250 % เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้วที่ 10 คัน

แต่ก็ยังชวนสงสัยอยู่ว่ายอดขายนี้ได้รับอานิสงส์จากยอดขายของดิสทริบิวเตอร์รายเดิมช่วยหนุนกี่คัน?

ผ่านไปครึ่งทางแล้วทุกค่ายยังซึมลึกด้วยพิษโควิดไม่หายยอดขายร่วงกราวรูด ถือเป็นปีแห่งความท้าทายและยากลำบากที่แต่ละค่ายรถใหญ่จะพลิกตำราสู้ท่ามกลางวิกฤติเช่นนี้ ซึ่งไม่รู้จะกินเวลาที่ยากลำบากนี้ไปยาวนานขนาดไหนเพียงใด?  

คาดการณ์กันว่าเวลาที่เหลืออีกครึ่งปีหลังจากนี้ไปยากมากที่จะฟื้นกลับมาได้ มันสะท้อนชัดว่าปีหนูไฟบรรลัยกัลป์นี้ทุกค่ายคงได้แค่ประคองตัวอย่างไรให้“รอดปลอดภัย”ชนิดไม่ต้องเสียเลือดในกายจนซีดซูบผอมไปกว่านี้

ไม่งั้นอาจไร้เรี่ยวแรงฮึดสู้ต่อในปีหน้า!