ค่ายพญาราชสีห์ MAN (เอ็ม เอ เอ็น)อีกหนึ่งแบรนด์รถบรรทุกเกรดพรีเมี่ยมจากเมืองเบียร์หลังหลุดวงโคจรจากดิสทริบิวเตอร์รายเดิมแล้วหวนคืนสู่อ้อมอก MAN Truck & Bus Asia Pacific ที่ประกาศเซ็ตอัพ Area APAC ใหม่ในไทย พร้อมคำรามก้องป่าดงดิบสิบล้อไทยจะลุยศึกการตลาดเองอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปลายปี 62
ครั้นเปิดน่านฟ้าปีหนูไฟบรรลัยกัลป์ 2563 ดันเผชิญพิษเจ้าไวรัสมหาประลัยโควิด-19 ทำให้การเดินหน้าเว้นระยะห่างไปบ้าง ทว่า ก็ยังโหมโรงต่อด้วยการประกาศแต่งตั้ง“จักรพงษ์ ศานติรัตน์”ขึ้นแท่นเป็นผู้อำนวยการประจำประเทศไทยคนใหม่ เป็น“ทัพหน้า”กุมบังเหียนด้านการบริหาร การตลาด การจำหน่ายและการให้บริการหลังการขาย หวังพุ่งชนเป้าหมายนำพาแบรนด์ MAN ก้าวสู่การเป็นยี่ห้อรถบรรทุกจากเยอรมันเติบโตควบคู่วงล้อตลาดโลจิสติกส์ไทย
ล่าสุด MAN Truck & Bus Thailand แหวกม่านพิษโควิด-19 พาเหรดทีมผู้บริหารได้ฤกษ์ประกาศก้องต่อหน้าสื่อพร้อมเต็มสูบสู้ศึกสมรภูมิรถใหญ่ไทย ชูรถบรรทุกเรือธง TGS 3 รุ่นย่อยนำเข้า CBU 100% จากแผ่นดินแม่ร่วมบู๊ทุกค่ายยูโรเปี้ยนทรัคในไทย ลุยขยายศูนย์บริการและPrivate Dealer ปักหมุดครอบคลุมทั่วประเทศ 10 แห่งภายใน 5 ปี กล้ารับประกันคุณภาพตัวรถทั้งคัน-ระบบขับเคลื่อน 1 ปี และคุณภาพอะไหล่อีก 2 ปีไม่จำกัดระยะทาง เผยเดือนก.ย.นี้เปิดตัว TGS รุ่นใหม่ ลั่นปี 64 ตั้งเป้ากวาดยอดขาย 100 คัน ชักธงรบสู้ศึกผ่าน 3 กลยุทธ์หวังพุ่งชนเป้าเติบโตอันดับหนึ่งควบคู่ตลาดโลจิสติกส์ไทย
ชูไฮไลท์หัวลาก MAN TGS 3 รุ่นร่วมบู๊เวทียุโรป
คุณจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้อำนวยการเอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า MAN (เอ็ม เอ เอ็น) เตรียมลุยตลาดรถบรรทุกไทยเต็มสูบ พร้อมส่งไฮไลท์รถบรรทุกหัวลาก MAN รุ่น TGS 6×4 แบบ 10 ล้อ แบบหัวเก๋ง แบบ L และแบบ LX หรือหลังคาสูงทั้งหมด 3 รุ่นย่อยมีทั้ง TGS 6×4 360 แรงม้า,400 แรงม้า และ 440 แรงม้า ให้ลูกค้าได้เลือกสรรตามวัตถุประสงค์การใช้งาน และภายในเดือนก.ย.นี้ เราจะทำการเปิดตัวรถบรรทุก MAN TGS รุ่นใหม่(ไมเนอร์เชนจ์)อีกด้วย
“ทุกคันมาพร้อมความโดดเด่นเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง ขนาด 10,518 ซีซี ขับเคลื่อนด้วยระบบลหัวฉีดแบบคอมมอนเรล พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์เทอร์โบชาร์จ ระบบเกียร์เป็นแบบ 12 เกียร์เดินหน้า 2 เกียร์ถอยหลัง ทำงานแบบกึ่งอัตโนมัติด้วยระบบการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติแบบ TipMatic แบบ Smartshifting ที่ทำให้การปรับเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างแม่นยำรวดเร็วที่มาพร้อมระบบตรวจบรรทุกน้ำหนัก (Load Detection) ของตัวรถที่จะช่วยทำการเลือกเกียร์ที่เหมาะสมในการออกตัวและในสถานการณ์ต่างๆ คำนึงถึงน้ำหนักตัวรถและน้ำหนักบรรทุก”
คุณจักรพงษ์ ระบุต่อว่าด้านระบบเบรค MAN BrakeMatic เป็นระบบเบรคล้อแบบลมล้วนควบคุมด้วยอิเลคโทรนิคแบบดิสค์เบรคทั้งด้านหน้าและด้านหลังติดตั้งมาพร้อมกับระบบป้องกันล้อล็อคอัตโนมัติ (ABS) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (MAN EasyStart) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมระบบรองรับน้ำหนักตัวรถทั้งเพลาหน้าและเพลาหลังเป็นแบบแหนบ (Parabolic Leaf Spring)พร้อมกับโครง เพื่อให้การรองรับน้ำหนักและการทรงตัวเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ด้านการบริการหลังการขายผลิตภัณฑ์มีการรับประกันคุณภาพของตัวรถทั้งคัน 12 เดือน โดยไม่จำกัดระยะทาง และการรับประกันระบบขับเคลื่อน 24 เดือน โดยไม่จำกัดระยะทางพร้อมกันกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 24 เดือนโดยไม่จำกัดระยะทางเช่นกัน ส่วนด้านอะไหล่มีการรับประกันคุณภาพของอะไหล่ 24 เดือน โดยไม่จำกัดระยะทาง ตลอดจนมีช่างเทคนิคที่ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานของ MAN เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดแก่ลูกค้า”
ยึดมั่นวิสัยทัศน์ “ซิมพลิฟายด์อิ้ง บิสซิเนส”
ทัพหน้า MAN Truck & Bus Thailand ย้ำถึงความมั่นใจทำตลาดในไทยว่า MAN Truck & Bus เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และให้บริการขนส่งของยุโรป และมีประวัติศาสตร์ความสำเร็จยาวนานถึง 260 ปี จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้ MAN ตั้งเป้าหมายขยายการเติบโตไปทั่วโลก โดยเล็งเห็นถึงการเติบโตเป็นอย่างมากของวงการขนส่งเพื่อการพาณิชย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะประเทศไทยที่พบว่าตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีช่องทางในการทำตลาดที่น่าสนใจ จึงได้เข้ามาทำตลาดเองในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
“การดึงกลับมาทำตลาดเองในไทยครั้งนี้ก็เพื่อขับเคลื่อน MAN ก้าวสู่การเป็นแบรนด์รถบรรทุกที่เติบโตควบคู่ไปกับตลาดโลจิสติกส์ไทยด้วยการนำเสนอผ่านผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพระดับโลก ตลอดจนการบริการหลังการขายที่พร้อมมอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าอันเป็นตามวิสัยทัศน์ “ซิมพลิฟายด์อิ้ง บิสซิเนส” (Simplifying Business) ที่มุ่งมั่นทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การบริการอย่างง่ายที่สุด ทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องง่าย ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน เพื่อทำให้ธุรกิจของลูกค้าดำเนินควบคู่ไปด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
ชักธงรบสู้ศึกผ่าน 3 กลยุทธ์หลักกรุยทางเบอร์หนึ่งในไทย
คุณจักรพงษ์ ยังได้กล่าวถึง 3 กลยุทธ์หลักเป็นบันไดก้าวสู่การเติบโตในไทยอย่างยั่งยืนว่าภายใต้วิสัยทัศน์“ซิมพลิฟายด์อิ้ง บิสซิเนส” (Simplifying Business) เพื่อสร้างการเติบโตกรุยทางสู่ความเป็นเบอร์หนึ่งในไทย ควบคู่กับการช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าดำเนินเติบโตไปด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก
อย่างแรกว่าด้วยการจัดจำหน่ายรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐานยุโรปและสอดคล้องกับการใช้งานของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ได้แก่ รถหัวลาก และรถบรรทุก จุดเด่นคือมาพร้อมความประหยัดโดยเครื่องยนต์ได้รับการออกแบบรองรับการวิ่งระยะทางไกล มีความแข็งแรงด้านสมรรถนะเป็นเลิศรองรับทุกการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงมีความทนทาน มีคุณภาพ ประสิทธิภาพตลอดจนเทคโนโลยีชั้นนำอันเป็นไปตามมาตรฐานยุโรปขนานแท้ ทุกคันที่ทำตลาดในไทยเรานำเข้า CBU 100% ส่งตรงจากประเทศเยอรมนีด้วยราคาที่ลูกค้าสามารถสัมผัสและเข้าถึงได้
ต่อมาเป็นการสร้างความพร้อมทางด้านการให้บริการหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานการรับประกันสินค้า ทั้งตัวรถ ระบบการขับเคลื่อน ความพร้อมด้านอะไหล่ทดแทน รวมทั้งช่างเทคนิคที่ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรมาตรฐานจาก MAN ตลอดจนสัญญาบริการครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้งานเพื่อสร้างความมั่นใจและทำให้ธุรกิจของลูกค้าดำเนินได้อย่างประสบความสำเร็จราบรื่น
สุดท้ายเป็นการขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการที่ครอบคลุมเส้นทางการใช้งานของลูกค้าทั่วประเทศ MAN กำลังมองหาหุ้นส่วนทางธุรกิจที่จะมาเป็นผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตไปพร้อมกันให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ เพื่อตอบโจทย์และตอบสนองความต้องการของธุรกิจลูกค้าตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ปัจจุบันเรามี 2 ดีลเลอร์ และจะเร่งขยายเพิ่มให้ครบ 10 แห่งภายใน 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ทัพหน้า MAN Truck & Bus Thailand ยังสะท้อนมุมมองถึงตลาดรถบรรทุกในไทยด้วยว่าปัจจุบันตลาดรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ในประเทศไทยแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ประกอบด้วยตลาดรถบรรทุกแบรนด์สัญชาติเอเชียมีสัดส่วนประมาณ 95% ตามมาด้วยตลาดรถบรรทุกแบรนด์สัญชาติยุโรปอีกประมาณ 5%
“เรามองถึงสัดส่วนของกลุ่มรถบรรทุกสัญชาติยุโรปพบว่ายังมีช่องทางการเติบโต โดยเฉลี่ยแล้วปีหนึ่งๆยอดขายรวมรถบรรทุกยุโรปประมาณ 600 คันต่อปี ทำให้ MAN เห็นโอกาสและตั้งเป้าหมายที่ในฐานะแบรนด์รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์สัญชาติยุโรปที่มีการเติบโตเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งการเป็นเบอร์หนึ่งไม่ใช่แค่ในแง่มุมยอดขายมากที่สุดเท่านั้น แต่เราจะขับเคลื่อนควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจแก่กลุ่มลูกค้าทั้งในปัจจุบันและในอนาคตให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุดอันเป็นหัวใจสำคัญจากทุกผลิตภัณฑ์ของ MAN ภายใต้สโลแกนที่ว่าประหยัด ทนทาน มาตรฐานเยอรมัน”
คุณจักรพงษ์ สรุปปิดท้ายว่าส่วนเป้าหมายในปีหน้า 64 เราตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 100 คันซึ่งเป็นเป้าที่เหมาะสมกับสถานการณ์ หากเทียบยอดขายรถบรรทุกยุโรปในเวลานี้ MAN คือเบอร์ 3 ของตลาด จริงอยู่แม้อาจจะมีระยะห่างจากผู้นำตลาด แต่นั่นเพราะผู้นำตลาดเขาทำตลาดในไทยมากว่า 30 ปีแล้ว ถึงกระนั้น การประกาศจุดยืนชัดเจนของMAN Truck & Bus Thailand ในวันนี้ เป็นการส่งคีย์แมสเซสถึงลูกค้าคนไทยว่าเราตั้งใจทำตลาดเพื่อเติบโตในไทยอย่างจริงจังและยั่งยืน