ขสมก.เตรียมผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในระบบขนส่งสาธารณะ อนุญาตผู้เดินทางมาด้วยกัน –ครอบครัวนั่งติดกันได้รองรับเปิดเทอม 1 ก.ค.63 เป็นต้นไป พร้อมเดินรถออกวิ่ง 100% เต็ม 3 พันคันต่อวัน คาดผู้โดยสารทะลุ 9 แสนต่อวัน
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่าตามที่รัฐบาลได้เตรียมผ่อนคลายมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระยะที่ 5 โดยอนุญาตให้กิจการผับ บาร์ คาราโอเกะ และสถานบันเทิงต่างๆ เปิดให้บริการได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.63 ซึ่งตรงกับวันเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 63 โดยจะมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไปใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น
อีกทั้งกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัด เตรียมผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ในระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อให้รองรับผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 70% โดยอนุญาตให้ผู้ใช้บริการที่เดินทางมาด้วยกัน หรือเดินทางมาเป็นครอบครัวนั่งติดกันได้บนเบาะที่นั่งที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.63 เป็นต้นไป คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการรถโดยสาร (รถเมล์) ขสมก. เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 900,000 คน
ขสมก. จึงจัดแผนการเดินรถเมล์ในช่วงมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 5 และช่วงเปิดภาคเรียน แบ่งเป็นด้านรถเมล์ 1.จัดรถออกวิ่ง 100% (3,000 คันต่อวัน) หรือจัดรถออกวิ่งให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา โดยมีเที่ยววิ่งเฉลี่ย วันละ 25,000 เที่ยว ซึ่งก่อนนำรถออกวิ่ง จะใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ฉีดพ่นและเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องสัมผัส เช่น เบาะที่นั่ง ราวจับ และกริ่งสัญญาณ พร้อมติดตั้งขวดเจลแอลกอฮอล์ สำหรับให้ผู้ใช้บริการล้างมือ บริเวณประตูทางขึ้น
2.กำหนดจุดนั่ง (เบาะที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาท) และจุดยืนให้มีระยะห่างกัน 1 เมตร ซึ่งรถเมล์ 1 คัน อนุญาตให้ผู้ใช้บริการยืนได้ไม่เกิน 10 คน กรณีผู้ใช้บริการเต็ม พนักงานเก็บค่าโดยสารจะติดป้ายข้อความ “ผู้ใช้บริการเต็ม โปรดใช้บริการ รถคันถัดไป” บริเวณกระจกหน้ารถเมล์ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการรับทราบ เพื่อรอใช้บริการรถเมล์คันถัดไป 3.กำหนดจุดนั่งเบาะคู่ (เบาะคู่ที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาททั้ง 2 เบาะ) เพิ่มเติม สำหรับให้ผู้ใช้บริการที่เดินทางมาด้วยกัน หรือผู้ใช้บริการที่เป็นครอบครัวเดียวกันนั่งติดกันได้
4.ตรวจเช็คสภาพ และตรวจสอบการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ ของรถเมล์ให้มีความมั่นคงแข็งแรง พร้อมทั้งตรวจเช็คประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน 5.ติดตั้งคิวอาร์โค้ดแอพพลิเคชั่นไทยชนะ บริเวณหลังเบาะที่นั่ง และบริเวณผนังด้านข้างภายในรถเมล์ สำหรับให้ผู้ใช้บริการสแกนผ่านโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน เพื่อเก็บข้อมูลการเดินทาง กรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อใช้บริการรถเมล์คันเดียว และเวลาเดียวกันกับผู้ใช้บริการ จะแจ้งเตือนผ่านระบบ SMS ว่าผู้ใช้บริการมีความเสี่ยงให้รีบไปพบแพทย์
ขณะที่ด้านบุคลากร กำกับดูแลพนักงานขับรถเมล์ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้พนักงานเก็บค่าโดยสาร คอยดูแลการขึ้น-ลงของผู้ใช้บริการอย่างใกล้ชิด ให้บริการด้วยความสุภาพเรียบร้อย ตรวจวัดแอลกอฮอล์ ความดันโลหิต และอุณหภูมิร่างกายของพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสารทุกครั้ง ก่อนขึ้นปฏิบัติหน้าที่บนรถเมล์
พร้อมทั้งกำชับพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร สวมหน้ากากอนามัย และถุงมือทุกครั้ง ขณะปฏิบัติหน้าที่บนรถโดยสาร จัดพนักงานนายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษประจำจุด ณ บริเวณหน้าโรงเรียน และป้ายหยุดรถเมล์ที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่น เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร และดูแลการขึ้น-ลงรถของผู้ใช้บริการ
ส่วนด้านผู้ใช้บริการ ต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ขณะใช้บริการรถเมล์ รวมทั้งต้องนั่ง และยืนตามจุดที่กำหนด กรณีผู้ใช้บริการเต็มต้องรอใช้บริการรถเมล์คันถัดไป กรณีผู้ใช้บริการที่เดินทางมาด้วยกัน หรือเดินทางมาเป็นครอบครัว สามารถนั่งบนเบาะที่นั่งคู่ที่กำหนดไว้ (เบาะคู่ที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาททั้ง 2 เบาะ)
ด้านผู้ใช้บริการที่เดินทางมาคนเดียว ขอความกรุณานั่งบนเบาะที่นั่งอื่นๆ ที่ไม่มีเครื่องหมายกากบาท ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ควรสแกน คิวอาร์โค้ดแอพฯ ไทยชนะ บนรถเมล์ เพื่อเช็คอินเมื่อขึ้นรถ และเช็คเอาท์ก่อนลงจากรถ และผู้ใช้บริการต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานเก็บค่าโดยสาร นายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษอย่างเคร่งครัด