คมเหลี่ยมเจ้าพ่อสิบล้อ“ปัญญา เศรษฐโภคิน”กับ 32 ปี บลู&ไวท์ฯ”

0
1935

หากเอ่ยชื่อ บลู&ไวท์ฯ”หรือบริษัท บลู แอนด์ ไวท์ โลจิสติกส์ จำกัด คนในวงการขนส่งและโลจิสติกส์ไทยคงจะร้องอ๋อกันเป็นทิวแถว เพราะนี้คือบริษัทขนส่งสายพันธุ์ไทยที่อยู่คู่วงล้อธุรกิจขนส่งไทยมาอย่างยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ

และเมื่อเอ่ยชื่อ“บลู&ไวท์ฯ”แล้วหากจะไม่เอ่ยถึงบรุษนาม “ปัญญา เศรษฐโภคิน” ประธานกรรมการ บริษัท บลู แอนด์ ไวท์ โลจิสติกส์ จำกัด ก็ดูจะไม่สง่างามตามท้องเรื่อง เพราะชายคนนี้คือ“สัญลักษณ์”หรือจะเปรียบดั่งลมหายใจ“บลู&ไวท์ฯ”ผู้ก่อร่างสร้างตัวจากวันที่บริษัทมีรถขนส่งไม่กี่คัน ก็ดูจะไม่ผิดเพื้ยนอะไรนัก

ถึงบัดเดี๋ยวนี้มีพนักงาน-บุคลากรหลายร้อยชีวิต มีเทคโนโลยี-นวัตกรรมล้ำสมัยตอบสนองงานขนส่ง มีสาขา-เครือข่ายขนส่งครอบคลุมทั่วประเทศ 55 แห่ง และมีฟลีทรถขนส่งวิ่งกระจายสินค้าทั่วประเทศกว่าพันคัน กลายเป็นอาณาจักรธุรกิจขนส่งคนไทยระดับแถวหน้าของประเทศ

ดัมพ์แมนโชว์ ขอใช้พื้นที่นี้สะท้อนมุมคิด-คมเหลี่ยมขนส่งของบรุษนามวัย 77 กะรัต “ปัญญา เศรษฐโภคิน”ทั้งในมุมเมื่อวันวานและก้าวย่างสำคัญในวันข้างหน้า ตลอดถึงการวางหมากธุรกิจ“บลู&ไวท์ฯ”ไว้ในมือใคร?อย่างไร?

32 ปี บลู&ไวท์ฯประหนึ่งนกอินทรีอายุมาก

เมื่อถามว่าถึงวันนี้วันที่“บลู&ไวท์ฯ”เติบโตและยืนหยัดเป็นบริษัทขนส่งต่อสู้กับบริษัทต่างชาติได้ และในวัย 76 ย่าง 77 ปี คุณปัญญา วางแผนธุรกิจตัวเองไว้อย่างไร? คุณปัญญา ได้ฉายภาพให้เห็นว่าแผนที่วางไว้ทั้งหมดใช้ไม่ได้เลย เพราะไม่ว่าจะอาชีพไหนที่เราถนัดเราก็ทำและทำแล้วแพ้ก็ต้องยอมแพ้แล้วปรับเปลี่ยนตัวใหม่ ผมมากินว่าในวัย 77 ปีแล้ว ผมจะทำอะไรกับใครได้ ผมสู้มาถึงอายุขนาดนี้แล้วมี“บลู&ไวท์ฯ”ทุกวันนี้ได้ คงไม่ใช่เวลาที่ผมจะวางแผนให้“บลู&ไวท์ฯ”เดินไปอย่างไร

“หากเปรียบเทียบบลู&ไวท์ฯในวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับนกอินทรีที่อายุมากขนก็หนา จะงอยปากก็งุ้มกงเล็บก็งุ้มมันต้องตอกทิ้งดึงขนทิ้ง แล้วมันจะเอาอะไรไปสู้นกอินทรีเกิดใหม่ได้ไง แค่เอาชีวิตและดำรงตัวต่อไปได้แค่นั้นพอ ผมเคยคิดเราทำธุรกิจมาบลู&ไวท์ฯใหญ่โตแค่ไหน คนไทยกี่หมื่นคนรู้จักเรา แล้วต่างชาติกี่คนที่รู้จักเราดี ที่พาบอกว่าบลู&ไวท์ฯใหญ่โตก็ล้วนแล้วแต่คิดเองทั้งนั้น บลู&ไวท์ฯก็เหมือนบริษัทขนส่งไทยทั่วไปที่รอคนรุ่นใหม่สานต่อก้าวไปข้างหน้า”

อย่าให้ตายก่อนเงินหมด

คุณปัญญา ย้ำอีกว่าทั้งหมดทั้งปวงอย่าไปคิดเยอะ ทำอย่างไรก็ได้อย่าให้ตายก่อนเงินหมด ไม่ใช่เงินหมดก่อนตายนี้ยุ่งกันใหญ่ ต้องรักษาเงินเพราะอะไรก็ต้องใช้เงิน ถามว่าเราอายุขนาดนี้แล้วจะวางหมากธุรกิจไว้อย่างไรในมือใคร เมื่อก่อนก็เคยคิดห่วงโน้นห่วงนี้ตอนหลังไม่คิดแล้ว คิดแต่เพียงว่าทุกคนก็มีความรับผิดชอบตัวเอง เมื่อเราทำให้เขาเกิดให้เขาโตให้ความรู้หลังจากนั้นตั้งตัวเป็นใหญ่ผู้ใหญ่ก็ต้องรับผิดชอบตัวเองชีวิตครอบครัวเขาแล้ว ก็เหมือนเราตอนหนุ่มๆ

“ในส่วนธุรกิจบลู&ไวท์ฯไม่ได้วางใครเป็นคนสานต่อ เพราะทีมงานที่บลู&ไวท์ฯกว่า20ปีถึง 30 ปี เขาก็รักองค์กรของเขาที่ผ่านมาก็สอนเขามาตลอดนะว่าความคิดผมเป็นอย่างงี้นะ ถ้าความคิดของคุณดีกว่าก็ไปทำ  แต่ถ้าคุณทำตามสิ่งที่คุณคิดไม่ได้ คุณก็ทำตามเฉพาะสิ่งที่ผมบอก ผมยังรักและต้องการบุคลากรที่รับคำสั่งผมแล้วไปทำหน้าที่ได้ดีกว่าคำสั่งที่ผมสั่งออกไปให้มีและอยู่กับองค์กร เพราะคนประเภทนี้หายากไปอยู่ที่ไหนองค์กรนั้นก็เจริญก้าวหน้า บลู&ไวท์ฯก็เช่นกันทีมงานเขาก็รักและสู้เพื่อให้องค์กรอยู่ได้แค่นี้ก็พอใจแล้ว”

มีวันนี้ได้…ไม่ใช่ความโชคดีและบุญวาสนา

เมื่อถามว่าหากย้อนเวลากลับไปกว่าที่บลู&ไวท์ฯจะมีวันนี้ได้เพราะเรามีดีอะไร?คุณปัญญา สะท้อนมุมคิดว่าที่มีวันนี้มันไม่ใช่ความสามารถและความพยายามอย่างเดียว และมันไม่ใช่ความโชคดีและบุญวาสนาอย่างเดียว แต่มันมีทุกอย่างรวมกัน บลู&ไวท์ฯไม่กล้าบอกหรอกว่าเราดีร้อยเปอร์เซ็นต์ มันก็ผสมผสานลากกันไปทั้งดีและไม่ดี

“มาคิดอีกกลับในมุมบวกหากมันดีกันหมดทุกคนมันก็แย่งกันเป็นขุมพลกันหมด แล้วใครจะเป็นพลทหารกันล่ะ เมื่อทุกคนล้วนแล้วอยากถือทวนแย่งกันเป็นขุนพลกันหมดแล้วเราจะไปรบกับใครได้ล่ะทุกคนก็ล้วนมีหน้าที่รับผิดชอบต่างกันไป ช่วยกันสร้างและรักษามันเอาไว้ให้ดี”

ชื่นชมเยอะต่อว่าก็แยะ!สัจธรรมธุรกิจบริการ

ถ้าจะให้พูดว่าบลู&ไวท์ฯบนเส้นทางธุรกิจส่ง 32 ปี หากจะสื่อให้คนรู้จัก อะไรคือบลู&ไวท์ฯ? คุณปัญญา ตอบว่าบลู&ไวท์ฯเป็นสัญลักษณ์ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์อีกตัวหนึ่ง แล้วบังเอิญธุรกิจตัวนั้นมันคือธุรกิจบริการ

“หลักธุรกิจบริการก็คือบริการลูกค้าให้ดี สร้างความประทับใจและลูกค้ามีความสุขกับการใช้บริการ นั่นแหล่ะคือบลู&ไวท์ฯ ถามแล้วบลู&ไวท์ฯทำได้ดีแค่ไหน ลูกค้าชื่นชมก็มีเยอะลูกค้าต่อก็มีไม่ใช่น้อยตามสัจธรรมธุรกิจบริการ”

แล้วทำไมต้องเป็นชื่อบลู&ไวท์?คุณปัญญา ไขข้อสงสัยว่าแรกๆก็ไม่รู้จะตั้งชื่อว่าอะไรดีคิดอยู่นานพอสมควร สุดท้ายก็มานึกว่ากูคือนายปัญญาก็ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนคนอื่น แล้วนายปัญญาจะเอาอะไรนึกไปนึกมาก็มาคิดว่าเออเราชอบสีขาวงั้นก็เอาสีนี่แหล่ะ และอีกสี่ชอบก็คือสีน้ำเงินประกอบกับชื่อผมในภาษาจีนว่า “นั้ม” ที่แปลว่าน้ำเงินจึงเอา 2 สีที่ชอบแปลงเป็นภาษาอังกฤษ์ตั้งเป็นชื่อบริษัทว่า“บลูแอนด์ไวท์โลจิสติกส์”ในท้ายที่สุด