หลังจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ออกมาแถลงภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ของปี 59 ที่ขยายตัวร้อยละ 3.2 ภาคการส่งออกขยายตัวร้อยละ 0.4 พลิกกับมาเป็นบวกครั้งแรกรอบ 7 ไตรมาส อันเป็นผลพวงมาจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวดีต่อเนื่อง ผสมโรงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
ขณะที่แนวโน้มการขยายตัวในโค้งสุดท้ายคาดว่าชะลอตัวลงจากไตรมาส 3 เล็กน้อย แต่ก็ยังเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ร้อยละ 3.2 ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ 3.3%หรือลดลงราว 0.1% แต่ก็เชื่อว่าในปี 2560 เศรษฐกิจไทยจะได้แรงดีดภาคการส่งออกที่กลับมาขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง การฟื้นตัวภาคการเกษตร การลงทุนภาครัฐและแรงขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว พร้อมคาดการณ์วงล้อเศรษฐกิจไทยปี 60 จะขยายตัว 3-4 % ขณะที่ภาคการส่งออกจะพลิกกลับมาผงาด 2.4%ได้
ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนนั้นทำให้ตลาดรถยนต์คึกคักขึ้นมาและโดยเฉพาะในส่วนของตลาดรถใหญ่ก็ถือได้ว่ากำลังอยู่ในช่วง “โค้งเงินโค้งทอง” Logistics Time จึงขอประมวลโค้งสุดท้ายของตลาดรถบรรทุก และแนวโน้มในปีต่อไป 2560 ดังนี้
ฮีโน่ โตตามเป้า-ครองสัดส่วนตลาด 45%
เปิดหมวกด้วยพี่ใหญ่จากแดนซามูไรอย่าง “ค่ายฮีโน่” โดย อำนวย พงษ์วิจารณ์ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์ส เซลส์ (ประเทศไทย) ที่เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถบรรทุกว่าหลังผ่าน 10 เดือนแล้ว ตลาดรถใหญ่มีอัตราการเติบโต 3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมียอดขายรวมทั้งประเทศ 22,658 คัน ส่วนฮีโน่ทำยอดขายได้ 9,899 คันเป็นไปตามแผนที่เราวางไว้ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 45% ถึงกระนั้นเรายังมองว่าตลาดยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร เพราะมีหลายปัจจัยลบที่ไม่เอื้อการขยายตัวของตลาด
“ส่วนครึ่งปีหลังนั้น เดิมทีเรามองว่าตลาดน่าจะโตมากกว่าปีก่อน 10 % เพราะเห็นสัญญาณเชิงบวกจากแรงกระตุ้นตลาดอยู่บ้าง ทั้งโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่ภาครัฐเตรียมจะก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดรถใหญ่โตมากขึ้น โดยคาดว่ายอดขายรวมทั้งปีจะอยู่ 30,000 คัน แต่เม็ดเงินยังไม่อัดฉีดเข้าสู่ระบบอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้เหลืออีก 2 เดือนก็น่าจะบวกเพิ่มกว่า 6 พันคัน รวมทั้งปีก็น่าจะกว่า 2.8 หมื่นคัน”
นายอำนวย ระบุอีกว่า ตลาดรถบรรทุกนับวันยิ่งจะรุนแรงมากขึ้นตามสภาพของเค้กที่เล็กลง ปีนี้เราเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่สนใจรถ 6 ล้อขนาดกลาง ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก พ.ร.บ.รถบรรทุกที่ปรับใหม่ได้เพิ่มขนาดให้รถบรรทุกน้ำหนัก 2.2 ตันสามารถวิ่งในเมืองได้โดยไม่ต้องกำหนดช่วงเวลา ส่งผลให้รถประเภทนี้โตสอดรับกับตลาดการก่อสร้างที่ขยายตัวอีกด้วยส่วนการออกโปรดักส์เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้านั้น เมื่อปีที่แล้วเราเปิดตัววิกเตอร์ซีรีส์รวมทุกเซ็กเมนต์ 20 กว่ารุ่น ปีนี้เราได้เปิดตัวรถบรรทุกรุ่นใหม่เพื่อตอบโจทย์ตลาดเออีซี ชื่อรุ่น 700 Splendor เมื่อช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นรุ่นที่นำเข้าจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น 100% มีกำลังแรงม้ามากถึง 480 มีคุณสมบัติพิเศษเด่นสำหรับการขับทางไกลหรือขับข้ามประเทศ
“เพื่อเป็นการเติมเต็มงานบริการหลังการขายและเตรียมตลาดให้พร้อมรับมือกับเออีซี เราได้ขยายโชว์รูมเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งตามจังหวัด อาทิ นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว นราธิวาส รวมแล้วเป็น 91 แห่งทั่วประเทศ โดยมีแผนขยายให้ได้ 100 แห่งภายใน 1-2 ปีจากนี้ทั้งนี้ เพื่อให้บนถนนสายหลัก ๆ ที่จะไปอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย ลาว กัมพูชา พม่า ทุก ๆ 50-100 กิโลเมตรคนขับจะต้องพบกับโชว์รูมฮีโน่ เพราะเราตระหนักอยู่เสมอว่า เรามิได้เสนอรถบรรทุกที่ดีให้ลูกค้าใช้เพียงอย่างเดียว แต่เราจะเสนอมูลค่าสูงสุดของสินค้าและบริการเพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้าในระยะยาว และเรายังเชื่อมั่นว่าด้วยความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า จะทำให้ฮีโน่ยืนหยัดอย่างมั่นคงในธุรกิจการขนส่งของประเทศและของโลกตลอดไป”
วอลโว่กรุ๊ปปลื้ม ยูดี ทรัคส์เติบโตกว่า 53 %
ขณะที่นายกำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายรถวอลโว่ ทรัคส์ และยูดี ทรัคส์กล่าวว่าตลาดรถบรรทุกในภูมิภาคนี้ ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวและเติบโตได้ดี เนื่องจากการตื่นตัวในภาคการขนส่งที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจโลจิสติกส์และห่วงโซ่ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับการแรงกระตุ้นจากการเปิดเสรีในด้านการขนส่งข้ามแดนภายหลังจากทุกประเทศในภูมิภาคนี้ได้เข้าสู่ AEC ตลอดถึงแรงหนุนจากแนวนโยบายการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของแต่ละประเทศ
“ภาพรวมการทำตลาดของวอลโว่กรุ๊ปฯหลังผ่าน 10 เดือน ยอดขายรวมตลาดภายในประเทศของวอลโว่ ทรัคส์ เราขายไปแล้ว 292 คัน ส่วนรถยูดี ทรัคส์ 605 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วโตขึ้นกว่า 53 % ส่วนภาพรวมตลาดต่างประเทศในฮับที่วอลโว่กรุ๊ปประเทศไทยดูแลนั้น ทิศทางการเติบโตของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะเน้นไปที่เซกเม้นต์ไหนเป็นสำคัญ ตลาดที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่แล้วก็จะเป็นที่เมียนมาร์ พิลิปปินส์ใกล้เคียงกับปีแล้ว ส่วนลาวและเวียมนามปรับตัวลดลง ซึ่งยอดขายในรอบ 10 เดือนของตลาดต่างประเทศของฮับวอลโว่กรุ๊ปประเทศรวมแล้วกว่า 220 คัน”
ส่วนกลยุทธ์การตลาดเพื่อส่งเสริมการขายช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้นั้น ประธานกรรมการ วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าในส่วนของ ยูดี ทรัคส์ ได้จัดกิจกรรมโรดโชว์ตลอดทั้งไตรมาสเพื่อเป็นเวทีการนำเสนอรถบรรทุก ยูดี ทรัคส์ ให้กับกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งจะจัดทั้งสิ้น 12 ครั้งตลอด 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ โดยจะกระจายจัดขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศ นอกจากนั้นเรายังเน้นกลยุทธ์ด้านการบริการหลังการขาย ซึ่งถือว่าเป็นกุญแจดอกสำคัญที่ช่วยไขความสำเร็จขององค์กร
“การจัดโรดโชว์ช่วงโค้งสุดท้ายนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่เราได้กำหนดไว้ในแผนงานแล้วมาก่อนนี้ ผนวกกับเป็นผลมาจากความสำเร็จในการจัดครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาดทั้งในด้านยอดขายและจำนวนผู้เข้าร่วมงาน นอกจากจะเป็นเวทีแสดงผลิตภัณฑ์ครบสำหรับทุกกลุ่มธุรกิจแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถสัมผัสกับผลิตภัณฑ์โดยตรง และยูดี ทรัคส์ ยังมีข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมงานอีกด้วยและที่สำคัญยังเป็นโอกาสที่ทีมผู้บริหารยูดี ทรัคส์ จะได้พบปะเพื่อสอบถามความต้องการใช้งานรถบรรทุกจากลูกค้าจำนวนมากโดยตรงอีกด้วย”
อย่างไรก็ดี นายกำลาภ สะท้อนมุมมองถึงแนวโน้มการขยายตัวตลาดรถใหญ่ปีหน้าว่าหลังภาครัฐเผยตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาส 3 และเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปีจะโต3.2 % รวมถึงคาดการณ์ไปถึงปีหน้าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3-4% โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการส่งออกที่จะพลิกฟื้นกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง การฟื้นตัวในการผลิตภาคการเกษตร แรงขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว และที่สำคัญคือการลงทุนภาครัฐในโครงการใหญ่ๆ ซึ่งนั่นจะยาขนานเอกกระตุ้นให้ตลาดรถใหญ่เติบโตไปด้วยเช่นกัน
สแกนเนีย เพิ่ม-พัฒนาบุคลากร หนุนองค์กร-กำไรโต
ฝั่งค่ายรถยุโรป อย่าง “สแกนเนีย” นั้น มร.สเตฟาน ดอร์สกี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด ระบุว่าวันนี้ตลาดรถใหญ่เมืองไทยมีศักยภาพและความพร้อมที่สูงมาก ทั้งในด้านกำลังซื้อ ความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ในการเป็นฮับขนส่งอาเซียน เป็นแรงหนุนให้ไทยเป็นประเทศที่มีความพร้อมด้านการพัฒนาภาคธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ที่สมบูรณ์แบบ
“ตลาดรถบรรทุกหนักในไทยช่วง3-4 ปีที่ผ่านมา นับได้ว่าเติบโตอย่างมากและมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่ายรถบรรทุกสัญชาติยุโรปหลายยี่ห้อมีส่วนแบ่งในตลาดที่สำคัญนี้ ขณะเดียวกันก็ยังต้องแข่งขันกับอีกหลากหลายค่ายรถบรรทุกในอีกหลายสัญชาติ ในส่วนรถโค้ชสแกนเนียเรามีสถานะเป็นผู้นำตลาด เหตุเพราะตอบโจทย์ความพึงพอใจของผู้ประกอบการและผู้โดยสารอย่างดีเยี่ยม ขณะที่แนวโน้มอุปสงค์ในตลาดรถบรรทุกลูกค้าต้องการรถบรรทุกสายพันธุ์ยุโรปที่มีคุณภาพ ทนทาน และประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทขนส่งขนาดใหญ่ มีจำนวนรถที่ต้องดูแลเป็นอย่างมาก ดังนั้น เราจึงต้องมีความพร้อมในทุกๆด้าน ทั้งบุคลากรในทุกๆส่วนงานที่ต้องเพิ่มและพัฒนาให้เปี่ยมด้วยศักยภาพ รวมถึงการเน้นบริการหลังการขายที่เป็นหัวใจหลักของธุรกิจนี้”
ส่วนกลยุทธ์การตลาดนั้น มร.สเตฟาน กล่าวว่าเราเน้นการเจาะกลุ่มลูกค้าขนส่งขนาดใหญ่ ถึงกระนั้นก็ไม่ละเลยกลุ่มขนส่งรายย่อย ส่วนศูนย์บริการสแกนเนียทั่วทุกภูมิภาคที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 9 แห่ง และเรามีแผนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวภายในปี 2561 เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต
แม้ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ภาครัฐแถลงออกมาจะสวยหรู จนทำเอาค่ายรถน้อยใหญ่ลิงโลดปั้นกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อหวังอานิสงส์จากภาวะเศรษฐกิจในการปั๊มยอดขายรถที่จะพุ่งตามไปด้วย
แต่หากเผลอ“หลับใน”ด้วยเชิงกลยุทธ์บิดเบี้ยวแค่เสี้ยววินาทีอาจเสียหลักหลุดโค้งเทกระจาดยอดขายดับได้ทุกขณะ