ยังเรียกแสงสปอตไลท์ฉายภาพรมต.ใหม่ไฟแรงต่อเนื่องสำหรับ“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”เสนาบดีคมนาคมยุครัฐบาลประยุทธ์ 2 หลัง ที่ไล่บี้ 4 นโยบายเร่งด่วนตั้งแต่วันแรกก้าวเข้ากระทรวงหูกวางพร้อมจัดหนักจัดเต็มนโยบาย 5 ด้านสนองตอบประโยชน์ประชาชนสุดลิ่ม ประกาศเปรี้ยง No!คอรัปชั่น No!ค่าโง่ ย้ำทุกโครงการ “ต้องโปร่งใส- ตรวจสอบได้”
1 ใน 4 นโยบายเร่งด่วนที่น่าจับตาและกลายเป็น Talk of the Town สนั่นวงการสิบล้อเมืองไทย นั่นก็คือปรับเวลารถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเข้าเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลและจะอนุญาตให้วิ่งเฉพาะเวลา 00.00-04.00 น. เพียงเท่านั้น จากเดิมวิ่งได้ตั้งแต่ 21.00-05.00 น. และจาก 10.00-15.00 น.
ไม่รู้ว่าเสนาบดีคมนาคมคลอดนโยบายดังกล่าวหวังเป็น“เรียกเรทติ้ง”หรือ “เรียกแขก”กันแน่ เพราะดันไปแตะนโยบายเกี่ยวกับขาใหญ่บนท้องถนนอย่างสิงห์รถบรรทุกไปอย่างจัง จากเวลาเดิมที่พี่น้องสิบล้อวิ่งขนส่งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลรวมแล้ว 13 ชม.หั่นเหลือแค่ 4 ชม.เท่านั้น
ห้ามสิบล้อวิ่งกลางวัน อ้างแก้ปัญหารถติด-โมเดลต่างประเทศ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรมว.คมนาคม เปิดเผยว่านโยบายเร่งด่วนเกี่ยวกับการปรับเวลารถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเข้าเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลนี้สอดคล้องนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการแก้ปัญหาจราจร คือการบังคับใช้กฎหมายร่วมกับตำรวจเรื่องการขนส่งรถบรรทุกในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเพื่อแก้ปัญหารถติดในเมืองหลวง โดยจะบังคับให้รถบรรทุกห้ามวิ่งขนส่งในช่วงเวลาทั้งกลางวันและจะอนุญาตให้วิ่งเฉพาะเวลา 00.00-04.00 น. เพียงเท่านั้น
“ยืนยันโมเดลนี้เป็นนโยบายที่ต่างประเทศบังคับใช้กันหมดแล้ว ดังนั้นประเทศไทยจึงควรลองนำแนวทางมาปรับใช้ในบ้านเราจากนั้นกระทรวงคมนาคมจะขอความร่วมมือรถบรรทุก และเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป”
ด้านนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่านโยบายห้ามรถบรรทุกวิ่งช่วงกลางวันและอนุญาตให้วิ่งเวลาเฉพาะเวลา 00.00-04.00 น. เพียงเท่านั้นทางกระทรวงฯจะเสนอผลศึกษาเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เพื่อขอมติเห็นชอบและสั่งบังคับใช้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป
“ยืนยันเมื่อบังคับใช้นโยบายดังกล่าวแล้วหากรถบรรทุกที่ไม่ปฏิบัติตามจะถูกลงโทษตามกฎหมายขนส่งและจราจรของเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอน”
พลันที่นโยบายด่วนจี๋ดังกล่าวพ้นรั้วกระทรวงหูกวางและถูกตีแผ่ผ่านทุกช่องทางสื่อ ก็ถูกสังคมโซเชียลต้อนรับด้วยคอมเม้นต์สุดเผ็ดร้อนจนโลกโซเชียลแทบลุกเป็นไฟ โดยเฉพาะบรรดาสิงห์รถบรรทุกสุดทนระเบิดอารมณ์-คอมเม้นต์ พร้อมจวกเละไอเดียสุดบรรเจิดของท่านรัฐมนตรีไฟแรง “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ณ แดนบุรีรัมย์จนไม่เหลือซาก
ทิ้งบอมบ์ความคิดเห็นสะท้อนความรู้สึกจากหัวอกคนสิบล้อฝากเป็นข้อกังขา-การบ้านให้ท่านรมว.คมนาคมได้ฉุกคิดกับนโยบายเจ้ากรรม “เป็นนโยบายสิ้นคิด?, เกาไม่ถูกที่คัน?, ทำยังกะว่าสิบล้อเป็นต้นตอปัญหารถติด?,เอะอะอะไรก็สิบล้อ?,สิบล้อคือแพะรับบาป? เป็นต้น”
ร้อนไปถึงบรรดานายกสมาคมขนส่งต่างๆก็สุดกลั้นจะนิ่งเฉยออกโรงสะท้อนมุมมองด้วยเหตุและผลเต็มหน้าสื่อ พร้อมประกาศจุดยืน “ไม่เห็นด้วย”กับนโยบายดังกล่าว ย้ำชัดอย่าบีบบังคับคนสิบล้อมากจนไม่มีทางเลือก ขู่จะรวมพลปิดถนนหากไม่ฟังเสียงพลเมืองสิบล้อและเหลืออดจริงๆ
สหพันธ์ขนส่งฯ-10 สมาคมขนส่งฯบุกกรมขนส่งฯค้านแหลก!
ไม่รอช้าสหพันธ์ขนส่งฯ ผนึกกำลังพลพรรค 10 สมาคมขนส่งตบเท้าบุกกรมขนส่งฯ พร้อมแสดงจุดยืนหนึ่งเดียว“คัดค้าน”นโยบายดังกล่าว สวนกลับหมัดตรงเสยคางกระทรวงคมนาคม“สิบล้อไม่ใช่ต้นตอรถติด”ย้ำเวลาเดินรถเดิมเหมาะสมแล้ว ลั่นรอเคลียร์เจ้าของต้นคิดไอเดียสุดบรรเจิด “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ”คนเดียวเท่านั้น
โดยประมุขสิบล้อไทย “คุณอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง” ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าจากนโยบายเร่งด่วนที่จะปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถสิบล้อให้วิ่งเข้าเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลได้เฉพาะเวลาเที่ยงคืนถึงตีสี่เท่านั้น ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการขนส่งที่ต้องใช้เวลาขนส่งสินค้าในเวลาจำกัดแค่ 4 ชม.จากเดิมใช้เวลากว่า 10 ชม.
“ทางสหพันธุ์ขนส่งฯและ10 สมาคมขนส่งฯมองว่าเวลาเดิมเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนเข้าที่ทำงานทั้งหมดแล้ว อีกทั้งยังไม่กระทบเวลานักเรียนเลิกโรงเรียนด้วย ทำให้เวลาเดินรถเดิมไม่กระทบหรือสร้างปัญหาจราจรติดขัดแต่อย่างใดยืนยันว่าต้นตอปัญหาจราจรติดัดไม่ใช่เกิดจากรถใหญ่ เมื่อรถใหญ่ไม่ใช่ต้นตอแล้วจะมาแก้มาห้ามสิบล้อวิ่ง มันเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ที่จริงแล้วต้นตอปัญหาการจราจรติดขัดชัดที่สุดคือต้องเริ่มที่พฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนที่ต้องรู้และเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่ไร้ระเบียบวินัยและมักง่ายอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน”
จวกปิคอัพขนถ่ายสิบล้อ “ซ้ำเติมต้นทุน”
นอกจากนี้ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ยังสะท้อนมุมมองต่อข้อเสนอให้นำรถปิคอัพมาขนถ่ายสินค้าจากรถบรรทุกว่ายิ่งจะสร้างปัญหาและต้นทุนการขนส่งมากยิ่งขึ้น เพราะรถบรรทุกสินค้า 1 คันต้องใช้รถปิคอัพมาขนถ่ายสินค้าถึง 18 คัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก ขณะเดียวกันหากจะกระทำได้ก็ต้องย้ายโรงงานขนาด SME ออกจากพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ และปริมณฑลทั้งหมด
“อีกทั้งยังต้องสร้างศูนย์กระจายสินค้าที่อยู่รอบพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้รถบรรทุกไม่ต้องเข้ามาในกรุงเทพฯโดยต้องวางระบบการทำงานและการบริหารจัดการให้ดี ซึ่งทางผู้ประกอบการก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะปัจจุบันไม่ต้องการนำรถบรรทุกเข้าพื้นที่กรุงเทพฯอยู่แล้ว เพราะต้องเผชิญกับปัญหารถติด ขอย้ำว่าช่วงเวลาเดินรถเดิมเหมาะสมแล้วจากนี้ไปเรารอพบท่านรัฐมนตรีเจ้าของไอเดีย“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” หวังร่วมหาเรือและจบปัญหาทีเดียว”
นายกฯTTLA ซัด “เกาไม่ถูกที่คัน”
ขณะที่ดร.ชุมพล สายเชื้อ นายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย(TTLA) อีกหนึ่งขุนพลสิบล้อเมืองไทย ได้สะท้อนมุมมองสำทับต่อนโยบายดังกล่าวว่าเราไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด และก็ไม่เชื่อมั่นว่าการห้ามรถบรรทุกวิ่งแล้วรถจะไม่ติด ซึ่งนโยบายดังกล่าวไม่มีข้อมูลเชิงวิชาการรองรับได้ว่าจะช่วยให้ปัญหารถติดน้อยลง แต่เป็นการแก้ไขปัญหาด้วยใช้ความรู้สึก ถ้าจะแก้ก็ต้องไปดูว่าจะรณรงค์ยังไงให้คนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว และการบริการจัดการพื้นที่ก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆให้ได้ประสิทธิภาพ ทำยังไงให้ผู้รับเหมาใช้พื้นผิวจราจรให้น้อยที่สุด
“2 ปัจจัยหลักที่ทำให้รถติดในเมืองหลวง คือจำนวนรถเล็กมีสัดส่วนที่มากและมากขึ้นทุกปี การจะมาแก้ปัญหาที่รถบรรทุกที่มีสัดส่วนน้อยมาก มันเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ต่อให้รถบรรทุกคันหยุดวิ่งก็ไม่สามารถแก้ปัญหารถติดได้ ปัจจัยหลักต่อมาคือการก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์ทั้งหลายในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ตรงนี้ต้องไปแก้ที่การบริหารจัดการพื้นที่ก่อสร้างต่างๆอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด”
หั่นเหลือ 4 ชม.กระทบชิ่ง Supply Chain อื่นๆ
ดร.ชุมพล กล่าวอีกว่าอย่าลืมรถบรรทุกขนส่งสินค้าเปรียบเสมือนเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี่ยงระบบเศรษฐกิจ ทุกๆเที่ยวที่เราวิ่งเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าและเศรษฐกิจ ไม่ได้เอารถเปล่าไปวิ่งเล่นๆ หากห้ามวิ่งย่อมส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมแน่นอน ที่เห็นได้ชัดคือการนำเข้า-ส่งออก บรรดาเครื่องบินและเรือขนส่งสินค้าต่างๆ เขาไม่รอรถบรรทุกหรอก
“อีกทั้งยังส่งกระทบต่อสินค้าเกษตรย่อมมีผลกระทบเน่าเสียได้ง่ายมากยิ่งขึ้น รวมถึงสินค้าจำเป็นเร่งด่วน เช่น เวชภัณฑ์ เป็นต้น อีกอย่างเมื่อชั่วโมงวิ่งน้อยลงเราก็ต้องเพิ่มจำนวนรถวิ่งให้มากขึ้นเพื่อวิ่งงานให้ทัน ก็กลายเป็นว่าต้องเพิ่มปริมาณรถเข้าไปในถนนมากขึ้นอีก จากเดิมเราสามารถวิ่งได้ตั้งแต่ 3 ทุ่มถึงตี 5 และจาก 10 โมงเช้าถึงบ่าย 3 พอจำกัดเที่ยงคืนถึงตี 4 ก็ยิ่งบีบชม.วิ่งงานเราก็น้อยลงเราก็ยิ่งเพิ่มจำนวนรถมากขึ้น”
ดร.ชุมพล ย้ำปิดท้ายว่าอีกทั้งยังเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับผู้ประกอบการขนส่ง ตามมาด้วยผลกระทบต่อผู้นำเข้า-ส่งออกและโรงงานต่างๆ จากเดิมที่เคยปล่อยสินค้าให้เราวิ่งได้ตลอดเวลา ก็ต้องมีช่วงเวลาสั้นๆให้รถเราวิ่งขึ้นของ เขาก็ต้องขยายโกดังและเพิ่มสต๊อกสินค้ามากขึ้น ยังไม่รวมต้นทุนด้านแรงงานที่ต้องเพิ่มเข้าไปอีกด้วย
“ศักดิ์สยาม” ไม่สน!คำขู่สิบล้อหยุดวิ่ง!
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่ายืนยันจะบังคับใช้นโยบายเร่งด่วนปรับเวลาวิ่งรถสิบล้อในเขตเมืองชั้นในให้เหลืออยู่แค่ 4 ชม./วันหรือ ตั้งแต่ เที่ยงคืน – ตี 4 เพียงเท่านั้น พร้อมยกเลิกรถบรรทุกที่ได้รับการยกเว้น อาทิ รถขนปูนซีเมนต์สำหรับก่อสร้าง รถขนส่งเชื้อเพลิงและรถขนส่งอาหารเน่าเสีย ควบคู่กับการให้พิจารณาจะลดขนาดรถบรรทุกจาก 10 ล้อ เป็นรถบรรทุก 6 ล้อได้หรือไม่ เชื่อมั่นหากบังคับใช้นโยบายดังกล่าวด้วยการลดปริมาณรถบรรทุกที่วิ่งอยู่ช่วงกลางวันที่มีถึง 5 หมื่นคันจะสามารถแก้ปัญหารถติดในเมืองชั้นในได้
“ส่วนรถบรรทุกที่วิ่งอยู่นอกรัศมีขอบเขตที่กำหนดไว้จะสามารถขนส่งสินค้าได้ 9 ชม. ตั้งแต่เวลา 3 ทุ่ม – 6 โมงเช้า รวม 9 ชม. หลังจากนี้บริเวณกรุงเทพฯและปริมณฑลจะไม่มีรถบรรทุกวิ่งขนส่งในเวลากลางวันอีกต่อไป ส่วนรถบรรทุกที่วิ่งขนส่งในต่างจังหวัดยังสามารถวิ่งรับส่งได้ตามเวลาเดิมที่กำหนดคือช่วง 10 โมงเช้า – 4 โมงเย็น และช่วง 3 ทุ่ม – 6 โมงเช้า”
โยนขนส่งฯเคลียร์สิบล้อ พร้อมหาแนวทางเยียวยา
ส่วนประเด็นร้อนพลพรรคสิบล้อที่รวมตัวคัดค้านและยืนยันต้องการเวลาวิ่งแบบเดิมและอาจยกระดับมาตรการหยุดวิ่งรถบรรทุกขนส่งสินค้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลนั้น เจ้ากระทรวงหูกวาง ระบุว่าตนได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) ไปหารือกับผู้ประกอบการขนส่งได้รับผลกระทบอะไรบ้าง พร้อมหาแนวทางการเยียวยาผู้ประกอบการ
“ส่วนตัวเชื่อมั่นจะไม่ทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังไม่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าที่ประชาชนต้องบริโภคอย่างแน่นอน และอาจช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการด้วยเนื่องจากการขนส่งทำได้เร็วขึ้นเพราะช่วงเวลาที่อนุญาตไม่มีปริมาณความหนาแน่นของจราจรมากนัก”
รมว.คมนาคม ย้ำอีกว่าหลังจากนี้ไปจะให้เวลาทุกหน่วยงานไปทำการบ้าน 1 เดือนจากนั้นจะประชุมร่วมกันอีกครั้งเพื่อนำเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานการประชุม หากได้รับความเห็นชอบจะประกาศบังคับใช้ต่อไป
พลพรรคสิบล้อขู่ขึ้นค่าขนส่ง 50 %
พลันที่ได้รับสัญญาณไม่ฟังเสียงนกเสียงกาจากท่านรมว.คมนาคม พร้อมโยนเผือกร้อนให้กรมขนส่งฯร่วมพูดคุยกับผู้ประกอบการขนส่ง ด้านนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังเข้าร่วมถกปัญหากับกรมฯว่าจากนโยบายดังกล่าว พวกเรายังยืนยันคัดค้านนโยบายดังกล่าว หากรัฐบาลยังยืนยันจะเดินหน้าต่อ แต่พวกเราขอเสนอแนะต้องสร้างศูนย์กระจายสินค้าที่อยู่รอบพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และจุดพักรถบรรทุกกระจายตาม 4 หัวมุมเมือง เพื่อไม่ให้รถบรรทุกไม่ต้องเข้ามาในกรุงเทพฯโดยต้องวางระบบการทำงานและการบริหารจัดการให้ดี
“หากมีแผนรองรับและแนวทางเยียวยาผู้ประกอบการขนส่งที่เดือดร้อนอย่างชัดเจนทางผู้ประกอบการก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะพวกเราก็ไม่ต้องการนำรถบรรทุกเข้าพื้นที่กรุงเทพฯอยู่แล้ว ไหนต้องเผชิญกับปัญหารถติด ขอย้ำว่าช่วงเวลาเดินรถเดิมเหมาะสมแล้วจากนี้ไปเรารอพบท่านรัฐมนตรีเจ้าคมนาคม หวังร่วมหาเรือและจบปัญหาทีเดียว หากไม่สนใจการคัดค้าน พร้อมนัดรวมพลคนสิบล้อปรับขึ้นค่าขนส่ง 40-50 %”
ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วกับการลุกฮือ-เสียงสะท้อนจากพลพรรคสิบล้อนี้จะมีน้ำหนักและดังพอจะเข้าหูเจ้ากระทรวงหูกวาง “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ณ แดนบุรีรัมย์ต้นคิดไอเดียสุดบรรเจิดนี้…ให้ยอมถอยได้หรือไม่?หรือเลือกลุยไฟต่อสุดลิ่มตามแบบฉบับ “คนพันธุ์บุรีรัมย์”…มั่นใจเต็มประดา
หรือจากนี้ไปหากมีการร่วมหารือกับเจ้ากระทรวงหูกวางที่หยอดคำหวานชนิดคนสิบล้อฟังพออุ่นใจได้บ้าง “ไม่เป็นไร…คุยกันได้”นะ! ที่สุดท้ายแล้วข้อสรุปออกมาจะถูกใจและโดนใจพลพรรคสิบล้อมากน้อยแค่ไหน?
หรือหากท่านรมว.คมนาคมยังยืนกระต่ายขาเดียว แล้วพลพรรคสิบล้อจะปล่อยหมัดเด็ดอะไรตอบโต้?แลกกันคนละหมัดงานนี้ใครจะอึดกว่ากัน?
… ปูเสื่อรอ!