ยังคงเป็นประเด็นสุดฮอต เป็น Talk Of The Town ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
กับศึกช้างชนช้างระหว่าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)หรือ ทอท.กับกลุ่มบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) หรือ CPN ที่ปาดหน้าผุดโครงการ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ลักชัวร์รี่เอาท์เล็ต ข้างรันเวย์สุวรรณภูมิ โดยที่ ทอท.ไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน
กว่าจะรู้สึกตัวว่าสัมปทานแสนล้านจากสัมปทานร้านปลอดภาษี “ดิวตี้ฟรี” และพื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่มุบมิบๆ จัดฉากประมูลกันสุดพิสดารไปก่อนหน้า ก่อนประเคนสัมปทานไปให้กลุ่มทุน “กากี่นั๊ง” คือกลุ่มคิงพาวเวอร์ แบบ “ม้วนเดียวจบ” ก็เมื่อห้างดังกล่าวก่อสร้างเกือบจะแล้วเสร็จ เหลือเพียงการก่อสร้างทางเชื่อมเข้า-ออกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ที่อยู่ติดรันเวย์สุวรรณภูมิเท่านั้น
เลยทำเอาทั้ง ทอท.และคิงเพาเวอร์ถึงกับ “นั่งไม่ติด” ต้องงัดไม้ตายสกัดกั้นการเปิดให้บริการห้างดังกล่าวในทุกวิถีทาง เพราะหากห้างยักษ์ดังกล่าวเปิดให้บริการได้ ไม่เพียงสัมปทานแสนล้านในสนามบินสุวรรณภูมิจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงแล้ว แม้แต่อาณาจักร คิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรี ที่ซอยรางน้ำ และคิงพาวเวอร์ ศรีวารีคอมเพล็กซ์ 2 ห้างยักษ์ดิวตี้ฟรีของเมืองไทยที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ก็อาจล้มทั้งยืน
ยิ่งในส่วนของ “คิงพาวเวอร์ ศรีวารี คอมเพล็กซ์” ที่ถือเป็นแฟล็กชีพใหญ่สุดของกลุ่มคิงเพาเวอร์ ที่หวังจะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในการต้อนรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวจากสนามบินสุวรรณภูมิโดยตรงด้วยแล้ การเปิดห้าง เซ็นทรัล วิลเลจดังกล่าวถือเป็น “หนามยอกอก” โดยตรง เพราะลักชัวร์รี่ เอาท์เล็ต Central Village นั้นแทบจะตั้งอยู่ชิดรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่คิงเพาเวอร์ ศรีวารีคอมเพล็กซ์นั้นอยู่ห่างออกไปกว่า 20 กม.นั้นผู้โดยสารและท่องเที่ยวที่ถูกต้อนออกไปช้อปปิ้งยังห้างดังกล่าวสุ่มเสี่ยงที่จะตกเครื่องเอาโดยง่าย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ ทั้งทอท. และคิงพาวเวอร์ จะต้องผนึกกำลังและดำเนินการในทุกวิถีทางในอันที่จะปกป้องขุมทรัพย์แสนล้านและสกัดกั้นไม่ให้ซูเปอร์ ลักชัวร์รี เอาท์เล็ตแห่งนี้เปิดให้บริการ จนถึงขั้นป่าวประกาศยืนยัน นั่งยันว่าพื้นที่ก่อสร้างห้างดังกล่าวนั้นอยู่ในเขตความปลอดภัยการบินที่อยู่ในความดูแลของ ทอท.
แต่เมื่อศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้าม ทอท.กระทำการใด ๆ อันเป็นการกีดขวางทางเข้า-ออก “ลักชัวร์รี่เอาท์เล็ต” ดังกล่าว หลังจากกลุ่มซีพีเอ็นวิ่งโรเข้ายื่นคำร้องต่อศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราว และศาลได้เรียกทั้งสองฝ่ายไปดำเนินการไต่สวนฉุกเฉิน ก่อนจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวออกมา
ยิ่งในวันประเดิมเปิดห้างเซ็นทรัล วิลเลจ เมื่อ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ก็ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำให้ทั้ง ทอท.และกลุ่มคิงเพาเวอร์ได้เห็นว่าเส้นทางผูกขาดสัมปทานดิวตี้ฟรี และร้านค้าเชิงพาณิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิกำลังเดินมาสู่ชะง่อนผาแล้ว ด้วยฝูงชนที่แห่แหนไปประเดิมในวันเปิดห้างกว่า 30,000 คน นั้นคือบทพิสูจน์ที่ทำให้เห็นว่าอาณาจักรคิงเพาเวอร์ กำลังสั่นคลอนและถูกท้าทายแล้ว
แม้ว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามทอท.กระทำการปิดกั้นหรือขัดขวาง “เซ็นทรัล วิลเลจ”แต่ก็เชื่อแน่ว่าทอท.คงไม่ยอมรามือแน่ ยังไงเสียก็คงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดอยู่ดี และไม่ว่าท้ายที่สุดผลจะออกมาอย่างไร ศึกห้ำหั่นระหว่าง ทอท.และกลุ่มเซ็นทรัลนั้นคงไม่จบเพียงแค่นี้แน่ ยิ่งในส่วนของ ทอท.ด้วยแล้ว ควันหลงจากกรณีที่ฝ่ายบริหาร “ถลำลึก” เข้าไปแอ่นอกปกป้องสัมปทานแสนล้านใต้ชายคาของตนอย่างถึงพริกถึงขิงครั้งนี้ สำหรับ “เนตรทิพย์”แล้ว ฟันธงไว้ตรงนี้เลยว่า นั่นจะนำมาซึ่ง “หายนะ”และความเสียหายครั้งใหญ่ของ ทอท.อย่างแน่นอน!
แน่นอน! ในแง่ของกลุ่มคิงพาวเวอร์ที่ถือเป็นคู่สัญญากับรัฐนั้น หาก “ขุมทรัพย์แสนล้าน” ทั้งสัมปทานดิวตี้ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ ต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการที่คู่สัญญาฝ่ายรัฐคือ ทอท.ไม่สามารถปกป้องสัมปทานใต้ชายคา ปล่อยให้คู่แข่งดอดเข้ามา “ล้วงตับ” ได้เข่นนี้
คู่สัญญาเอกชนย่อมมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะลุกขึ้นมาฟ้อนเงี้ยวฟ้องหัวทอท. เฉกเช่นที่บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BEM ฟ้องการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) กรณีที่ปล่อยให้มีการก่อสร้างทางยกระดับ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ส่วนขยายดอนเมือง-รังสิต แข่งเส้นทางสัมปทาน จนกลายมาเป็นมหากาพย์ค่าโง่ทางด่วนที่กำลังทำเอารัฐบาลและ กทพ.งานเข้าเป็นรายวันอยู่เวลานี้
กรณี “เซ็นทรัล วิลเลจลักชัวร์รี่ เอาท์เล็ต”ของกลุ่ม CPN ที่ผุดอยู่ข้างรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมินี้ก็เช่นกัน เมื่อฝ่ายบริหาร ทอท. แอ่นออกออกมายืนยัน นั่งยันว่า พื้นที่ก่อสร้างห้างดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุที่อยู่ในเขตควบคุมการบินที่ทอท.ดูแลรับผิดชอบอยู่ ใครจะทำอะไรก็ต้องได้รับอนุญาตจาก ทอท.ด้วยแล้ว
การออกมาฟ้อนเงี้ยวเกรี้ยวกราดของฝ่ายบริหาร ทอท.ต่อกรณีดังกล่าว เท่ากับยอมรับว่า หากในท้ายที่สุดแล้วห้างเซ็นทรัล วิลเลจ เปิดให้บริการได้อย่างยิ่งใหญ่อลังการ ภาครัฐและ ทอท.จะกลายเป็นฝ่ายผิดสัญญาสัมปทานกับ กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ในทันทีและแทบจะตกเป็น “เบี้ยล่าง”คู่สัญญาเอกชนตั้งแต่ยังไม่ทันได้ขึ้นศาลด้วยซ้ำ!
หากรัฐ หรือ ทอท.ยืนยันว่าตนเองมีอำนาจควบคุมดูแลเฉพาะพื้นที่ภายในขอบเขตที่ตนเองเอาป้ายไปปักแสดงเขตแดนไว้ พื้นที่นอกเหนือไปจากนั้นต้องถือว่าอยู่นอกขอบเขตพื้นที่รับผิดชอบของทอท.ก็ว่าไปอย่าง ถึงเวลาขึ้นโรงขึ้นศาลเมื่อถูกคู่สัญญาณเอกชนฟ้องหัวเอา ยังจะพอแก้ต่าง ดิ้นเอาตัวรอดได้
แต่เมื่อฝ่ายบริหาร ทอท.แอ่นอก ออกมายืนยัน นั่งยัน ว่าพื้นที่ตั้งห้างเซ็นทรัล วิลเลจ อยู่ในเขตควบคุมการบินที่ ทอท.ดูแลทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้ โดยไม่ใส่ใจเลยว่าหน่วยงานรัฐอื่นๆ ทั้งกรมทางหลวง และสำนักงานคณะกรรมการการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือกพท.ต่างก็ออกมาโต้แย้งสิ่งที่ทอท.กำลังตั้งแท่นป่าวประกาศอยู่นี้
จึงทำให้น่าขบคิด สิ่งที่ฝ่ายบริหาร ทอท.กำลังป่าวประกาศออกไปเป็นความ “ตั้งใจ”ส่งสัญญาณให้กับคู่สัญญาฝ่ายเอกชน หรือต้องการจะ “ปูเสื่อรอ”ค่าโง่แสนล้าน”สัมปทานคิงเพาเวอร์หรืออย่างไร????
:เนตรทิพย์