งานเลี้ยง…ย่อมมีวันเลิกรา!

0
244

นิตยสาร Logistics Time ปีที่ 14 ฉบับที่ 176ประจำเดือนมิถุนายน 2562 : “สิงห์ตะวันเพลิง” หน้าเก่า-แก่ขาประจำขอรายงานตัวประจำฐานกองบัญชาการข่าวคอลัมน์“เลาะระเบียงขนส่ง” ทำหน้าที่รายงานข่าวเด่น-ดัง-ร้อนในในแวดวงขนส่ง พลางหยิบแกมหยอกบรรดาพี่น้องสิงห์รถบรรทุกและผู้ประกอบการขนส่งทั่วฟ้าเช่นเดิมครับขอรับกระผม

เข้า หน้าฝนเต็มวสันตฤดูกันแล้ว รู้กันดีว่าห้วงเวลานี้งานขนส่งของมวลมิตรพี่น้องขนส่งทั่วทิศทั่วไทยก็จะดูเงียบๆไปนิดนึง ถึงกระนั้นก็ยังพอมีงานขนส่งอีกหลายประเภทที่ไม่ต้องกลัวฟ้ากลัวฝน ห้วงเศรษฐกิจแบบนี้ การเมืองแบบนี้ไม่ปรับตัวหวังแต่จะพึ่งรัฐอย่างเดียวก็คงมิได้ ไม่ปรับตัวมีหวังเจ๊งบันลือโลก ยังไงก็เป็นกำลังใจสู้ต่อไปเพื่อปากท้องลูกเมีย…นะขอรับกระผม

นี่ก็เพราะนโยบายรัฐที่เข้มขวดกวดขันวินัยจราจร พร้อมกับคุมเข้มการปล่อยควันดำจากรถบรรทุก รถโดยสาร จนพ่นพิษทำเอาบรรดาสิงห์รถบรรทุกอดรนทนไม่ไหว ขู่จะขู่จะรวมตัวออกมาปิดถนนให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซะ

งานงามไส้ระดับพระกาฬนี้ Key Man ยามนี้ “เฮียเต๊ก-ชุมพล สายเชื้อ” นายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย (TTLA)  ร่ายเหตุผลถึงประเด็นร้อนการตั้งด่านตรวจจับควันดำรถบรรทุกขนส่งสินค้าได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของผู้ประกอบการกันระนาว ทั้งด้านการให้บริการลูกค้าที่อาจจะได้รับสินค้าล่าช้า ผู้ประกอบการไม่สามารถวิ่งให้บริการได้ตามเที่ยวที่กำหนดไว้ อันมีสาเหตุตั้งด่านฯถี่ยิบหรือซ้ำซ้อนจนเกินไป

เป็นเหตุให้เกิดการจราจรติดขัดเป็นวงกว้าง อีกทั้งยังตั้งข้องสงสัยไม่มั่นใจถึงกระบวนการตรวจเช็คอุปกรณ์ต่างๆ มีความถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่? โดยสมาคมฯได้ทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช.กรุงเทพมหานคร หรือ กทม., และกรมการขนส่งทางบก หรือ ขบ.เพื่อขอความร่วมมือให้ลดการตั้งด่านตรวจควันดำลง เพื่อไม่ให้ถี่จนเกินไป หากยังเพิกเฉยไม่ได้รับการตอบรับจากต้นสาย พร้อมระดมพลสิงห์รถบรรทุกออกมาปิดถนนเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม

เรื่องร้อนไปถึงนายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ออกโรงตอบโต้ทันควันมาตรฐานการตรวจวัดควันดำและการตั้งด่านสุ่มตรวจควันดำมีค่ามาตรฐานจำกัดเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งทุกหน่วยงานต้องนำไปปฏิบัติ เนื่องจากมีกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้กำหนดตัวเลขเกณฑ์ตรวจวัด

สิงห์ตะวันเพลิง เรียนตามตรงไม่เข้าข้างใคร เจ้าหน้าที่ตามด่านฯหากตระหนักในหน้าที่ความรับผิดชอบตรงไปตรงมาไม่มีอะไรชั่วๆแอบแฝงแล้วล่ะก็ สิงห์ตะวันเพลิง ยังชูจั๊กกะแร้เชียร์ให้มีด่านฯตรวจคุมเข้ม เพราะนี้คือการสกัดบรรดาสิงห์บรรทุกนอกคอกได้ระดับหนึ่ง ที่ได้นำรถเก่ามาวิ่งขนส่งปล่อยควันพิษกันบานตะไท ถ้าทำถูกต้องแล้วจะกลัวอะไรล่ะ…จริงมั๊ยล่ะครับท่าน?

ส่วนการตั้งด่านฯถี่ยิบทำให้รถติดยาวเหยียดนั้น ประเด็นนี้ภาครัฐต้องคิดไตร่ตรองล่ะครับว่ามันยี่ยิบจริงดังว่าหรือเปล่า กับการจะขู่ระดมพลสิงห์รถบรรทุกนำรถออกมาปิดถนนเพียงเพื่อเอาสะใจ หรือไม่ได้ดั่งใจ เอากฎหมูเหนือกฎหมาย….สิงห์ตะวันเพลิง คนหนึ่งไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

กระชากอารมณ์สู่เข้าโหมดดีๆงามๆกันบ้าง แหล่งข่าวระดับสูงจากค่ายรถบรรทุกสแกนเนีย กระซิบบอก MD สุดหล่อ Smart Mans &Handsome มร.สเตฟาน ดอร์สกี กรรมการผู้จัดการ บจก.สแกนเนีน สยาม ได้เวลาโบกมือบ๊ายบายไทยแลนด์กลับไปรับตำแหน่งที่สูงกว่าที่บริษัทแม่สวีเดนในเดือนก.ค.ศกนี้แล้ว หลังทำหน้าหน้าที่ MD ค่ายสแกนเนียกุมทัพสู้ศึกในสมรภูมิรถใหญ่เมืองไทยประมาณ 4-5ปี (ถ้าผิดขอประทานพระอภัยมณีมา ณ โอกาสนี้)

สิงห์ตะวันเพลิง ตะลอนทำข่าวในแวดรถใหญ่และเคยได้มีโอกาสสัมภาษณ์ในวงสนทนาสืบข่าวและพูดคุยนอกวงสนทนาอยู่หลายครั้ง สัมผัสได้ถึงความเป็นผู้มีอัธยาศัยดี เข้าถึงง่าย อุปนิสัยอ่อนโยนแฝงด้วยเป็นคนอารมณ์ขันยิ้มง่าย สุภาพบุรุษมากๆ เป็นที่รักของทีมผู้บริหาร พนักงานคนไทยเป็นอย่างมาก เวลาเจอหน้าสื่อก็มักจะยกมือไหว้แล้วทักทาย “สวัสดีครับ สบายดีมั๊ยครับ” ทุกครั้งไป

ทราบข่าวว่าจะบินกลับสวีเดนแล้ว และจะมี MD ท่านใหม่ที่เป็นสุภาพสตรีมาแทน ก็รู้สึกใจหายแว๊ปหนึ่ง ถึงกระนั้นก็เข้าใจถึงวงล้อการงานที่มีการสลับปรับเปลี่ยนและโอนย้ายเป็นเรื่องธรรมดา มร.สเตฟาน ได้พำนักอาศัยอยู่ในเมืองไทยมาระยะหนึ่งคงซึมซัมและปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตคนไทยได้พอสมควร และน่าจะประทับใจประเทศไทย-คนไทยในหลายแง่มุม

แต่สิ่งหนึ่งที่แกน่าจะประทับใจและภูมิใจอย่างมาก ก็คือการเป็นแม่ทัพทำศึกสมรภูมิรถใหญ่สายพันธุ์ยุโรปจนสามารถโค่นค่ายรถใหญ่บ้านเดียวกันจากบัลลังก์แชมป์รถใหญ่ยุโรปลงได้เป็นครั้งแรกในปี60-61 และปี 62 นี้จับยาม 3 ตาแล้ว สแกนเนีย ก็น่าจะยึดเบอร์ 1 รถใหญ่ยุโรป 3 ปีติด …อู๊บบส์!!

ยังไงซะก็ขอขอบคุณในมิตรไมตรีอันงดงาม และขอให้โชคดีในหน้าที่การงานยิ่งๆขึ้นไปนะขอรับ มร.สเตฟาน ดอร์สกี

ปิดท้ายด้วยเรื่องราวน่ารู้และน่าค้นหาจาก เฮียเกรียง-เกรียงเดช ปุ้มกระโทก  MD บจก.J&K ผู้ให้บริการขนส่งผลไม้ไทยรายใหญ่ไปยังจีนมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด สืบปูมหลังชีวิตเฮียเกรียงแล้วไม่ธรรมดา ก่อนจะมีวันนี้แกเริ่มจากไม่มีอะไรเลย ล้มลุกคลุกคลานเผชิญปัญหาและอุปสรรคอันหนักอึ้งกว่าจะมีวันนี้ได้ ใครอยากรู้และอยากถอดชีวิตและบทเรียนความสำเร็จของเฮีย ก็นิมนต์ไปอ่านได้ครับใน http://www.logisticstime.net/archives/16387

ฉบับนี้ขอกระแทกนิ้วพอแค่นี้…ฉบับหน้าเจอกันใหม่ครับ!