กลุ่มผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมร้องนายกฯ ทบทวนสิทธิผูกขาดท่อร้อยสายสื่อสาร กทม. เอื้อเอกชนเพียงรายเดียว

0
210

๖ ผู้ประกอบการด้านสื่อสารโทรคมนาคม ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์  จำกัด (มหาชน) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน)บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด และ บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) ในนาม “กลุ่มผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม” ได้รวมตัวเข้ายื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เพื่อทบทวนการดำเนินการของ กทม. ในโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีตัวแทนมารับหนังสือ ที่อาคารสำนักงาน กพ. เก่า ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. ดังนี้

ตามที่ปรากฏตามข่าวว่า กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นราชการส่วนท้องถิ่นได้ให้ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (“บริษัทกรุงเทพธนาคม”) ซึ่งอยู่ในความควบคุมของกรุงเทพมหานคร (โดยการถือหุ้นร้อยละ ๙๙.๙๘) ดำเนิน “โครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานคร” ระยะทาง ๒,๔๕๐ กิโลเมตร โดยคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ ได้มีมติเห็นชอบ โดยให้คำนึงถึงแนวทางการใช้โครงข่ายและโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมร่วมกัน และการกำหนดราคาค่าธรรมเนียม การใช้พื้นที่ที่เหมาะสม คำนึงถึงผลกระทบต่อทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม ประชาชน ผู้ใช้บริการ ประโยชน์สาธารณะและผู้ที่เกี่ยวข้อง และให้กำหนดราคาค่าเช่าท่อร้อยสายสื่อสารที่เหมาะสม

และปรากฏต่อมาว่า บริษัทกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมให้บริการท่อร้อยสายจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)มิได้ดำเนินการดังกล่าวเองโดยตรง แต่ได้คัดเลือกเอกชนโดยให้ยื่นข้อเสนอและปรากฏว่ามีผู้ยื่นข้อเสนอเพียงรายเดียวและทำให้บริษัทกรุงเทพธนาคมมอบสิทธิให้เอกชนรายนั้นซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายหนึ่งแสวงหาประโยชน์จากท่อร้อยสายอันเป็นทรัพย์สินของรัฐและเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ได้ถึงร้อยละ ๘๐ (โดยให้สิทธินำสาธารณะสมบัติของแผ่นดินไปให้ผู้อื่นใช้ต่อได้ด้วยโดยเอกชนรายดังกล่าวมีสิทธิเรียกเก็บค่าตอบแทน) เป็นเวลาถึง ๓๐ ปี ซึ่งเท่ากับว่าหากผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายใดนำสายสื่อสารที่พาดตามเสาในปัจจุบันลงไปใต้ดินตามนโยบายของรัฐบาลก็จำต้องมาขอใช้ท่อร้อยสายและชำระค่าตอบแทนให้แก่เอกชนคู่สัญญากับบริษัทกรุงเทพธนาคม

บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์  จำกัด (มหาชน) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน)บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด และ บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) (“กลุ่มผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม”) ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สามทั้งหมด ๖ ราย จาก กสทช.(ซึ่งมีประชาชนผู้ใช้บริการรวมกันมากกว่า ๗๐ ล้านราย)มีความเห็นว่ากรุงเทพมหานครโดยกรุงเทพธนาคมในฐานะหน่วยงานของรัฐควรให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมทุกรายเข้าถึงบริการท่อร้อยสายของรัฐจากหน่วยงานของรัฐได้โดยตรงตามหลักเกณฑ์ของ กสทช. ไม่ควรมอบสิทธิผูกขาดให้แก่เอกชนรายใดรายหนึ่งเพียงรายเดียวในการนำไปแสวงหาประโยชน์ ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ กสทช. ด้วยเหตผุลดังนี้

ประการที่หนึ่ง โครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ดำเนินการโดย กรุงเทพมหานครผ่านบริษัทกรุงเทพธนาคมเป็นกิจการสาธารณูปโภค ซึ่งถือเป็นกิจการของรัฐโดย กรุงเทพมหานครจะขุดเจาะที่สาธารณะเพื่อวางท่อโครงการดังกล่าวถือเป็นกิจการของรัฐเพื่อประโยชน์ สาธารณะโดยใช้อำนาจมหาชนของรัฐ (กรุงเทพมหานคร)ท่อร้อยสายของบริษัทกรุงเทพธนาคมโดย กรุงเทพมหานครจึงเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน เพื่อประโยชน์สาธารณะโดยเป็นทรัพย์สินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ (ตามนัยคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ ฟ ๓๕/๒๕๕๐) หน่วยงานของรัฐจึงควรให้ผู้รับใบอนุญาตทุกรายเข้าถึงสาธารณูปโภคนี้จากหน่วยงานของรัฐได้โดยตรง และมิควรมอบสิทธิผูกขาดให้แก่เอกชนรายใดรายหนึ่งไปแสวงหาประโยชน์จากสาธารณะสมบัติของแผ่นดินดังกล่าวได้ 

ประการที่สอง ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่สอดคล้องกับกฎหมาย กล่าวคือ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม และประกาศ กสทช. เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการใช้ การลงทุน และการสร้างท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินหรือกับโครงสร้างพื้นฐานหน่วยงานของรัฐเพื่อให้บริการ โทรคมนาคม ซึ่งข้อ ๔ กำหนดว่า “ผู้รับใบอนุญาตที่มีท่อร้อยสายสื่อสาร (หมายถึงบริษัทกรุงเทพธนาคม)ต้องยินยอมให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นใช้ท่อร้อยสายของตน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดในประกาศนี้” กล่าวคือ บริษัทกรุงเทพธนาคมในฐานะผู้รับใบอนุญาตต้องจัดทำ “ข้อเสนออ้างอิงการใช้ท่อร้อยสาย” ให้ กสทช. เห็นชอบ ก่อนเพื่อความโปร่งใสและเพื่อเป็นกรอบให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นสามารถรู้ รายละเอียดเส้นทาง อัตราค่าบริการ เทคโนโลยีต่างๆ และขอใช้ได้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งหมายถึงว่าตามกฎหมายแล้ว บริษัทกรุงเทพธนาคมไม่สามารถดำเนินการไปในทางอื่น เช่น การมอบสิทธิผูกขาดให้แก่ผู้ประกอบกิจการ โทรคมนาคมรายใดรายหนึ่งแสวงหาประโยชน์จากท่อร้อยสายร้อยละ ๘๐ ตั้งแต่ต้นเพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตรายอื่นอีกจำนวนมากขาดทางเลือก ในทางปฏิบัติ จำต้องมาขอใช้ท่อร้อยสายอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน จากเอกชนรายนั้น ซึ่งเป็นคู่แข่งในการให้บริการโทรคมนาคม อันจะทำให้หลักประกันความโปร่งใสและการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกันตามที่ประกาศ กสทช. กำหนดหมดไป  

ประการที่สาม การดำเนินการดังกล่าวเป็นทำลายการแข่งขันที่เป็นธรรม และไม่มีหลกัประกันใดให้แก่ผู้บริโภค ผู้ผูกขาดจะอยู่ในฐานะที่สามารถหากำไรส่วนเกินในระยะยาว (monopoly profit) เปรียบเสมือนค่าสัมปทาน ที่เรียกเก็บและสามารถนำกลับมาแข่งขันกับผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายอื่น อันเป็นการ บิดเบือน การแข่งขัน ซึ่งผู้บริโภคก็จะเป็นผู้ได้รับความเสียหายในท้ายที่สุด

อนึ่ง ในขณะเดียวกันเมื่อต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้น ค่าบริการก็จะสูงขึ้น โปรดพิจารณาจากตาราง

จากตารางปรากฎตามข่าวต่างๆ ว่า อาจมีการกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมชำระค่าบริการท่อร้อยสายในอัตรา ๓,๒๑๗ บาท/Micro Duct/ กิโลเมตร /เดือน (ภายใต้โครงการมหานครอาเซียน) หรือ ๗,๐๐๐ – ๘,๐๐๐ บาท/ Micro Duct/กิโลเมตร /เดือน (ภายใต้การกำหนดของบริษัทกรุงเทพธนาคม)ซึ่งผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมจะต้องรับภาระการลงทุนใหม่ประมาณ ๖,๘๖๐ ล้านบาท และมีต้นทุนเพิ่มจากการเช่าท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินที่สูงอย่างมีนัยยะสำคัญประมาณ ๙๕ ล้านบาทต่อปี (อัตราภายใต้โครงการมหานครอาเซียน)หรือประมาณ ๒๐๕.๘๐ – ๒๓๕.๒ ล้านบาท (อัตราที่บริษัทกรุงเทพธนาคมกำหนด) ซึ่งสูงเกินสมควรและจะทำให้ผู้ใช้บริการเดือดร้อนจากภาระค่าใช้บริการที่สูงขึ้น

ประการที่สี่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าการดำเนินโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานครดังกล่าว จะเข้าข่ายที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายใดบ้าง รวมถึงกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 

ประการสุดท้าย กลุ่มผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมให้ความสนับสนุนในการจัดระเบียบสายสื่อสารให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่การดำเนินการดังกล่าวควรดำเนินการให้ถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)ก็มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรุงเทพมหานคร ก็อาจให้บริการท่อร้อยสายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสิ้นเปลืองน้อยกว่า และจะเห็นว่า การแก้ปัญหาสายสื่อสารที่พาดบนเสาไฟฟ้าที่ไม่เป็นระเบียบมีได้หลายวิธี และวิธีที่เหมาะสมจะแตกต่างกันในแต่ละเส้นทาง ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีปลดลงทุกเส้นทางเสมอไป เช่น หากดำเนินการจัดระเบียบให้เรียบร้อย ก็จะมีภาระการลงทุนใหม่เพียง ๔๙๐ ล้านบาท และต้นทุนค่าเช่าประมาณ ๕.๔ ล้านบาทต่อปี และขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการโทรคมนาคมได้เข้าร่วมศึกษาหาแนวทางการจัดระเบียบสายสื่อสารให้เป็นระเบียบร่วมกัน ซึ่งคาดว่าจะได้รูปแบบทดลองจัดระเบียบที่ชัดเจนในการจัดระเบียบประมาณเดือนสิงหาคมนี้ และกลุ่มผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมจะนำเรียนเสนอต่อไป 

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมจึงเห็นว่าภาครัฐควรชะลอการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพมหานครไว้ก่อน และในขณะเดียวกันควรให้คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำข้อเสนอประกอบความเห็นของหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา โดยการดำเนินการอยู่ภายใต้หลักการที่ว่ามิให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายเกินสมควรแก่ผู้บริโภคและความเป็นธรรมในการแข่งขัน ดังนี้

๑.๑) ให้ศึกษาแนวทางการจัดระเบียบสายสื่อสาร เพื่อเปรียบเทียบความเหมาะสมและความคุ้มค่าของแต่ละวิธีการในแต่ละเส้นทาง หากจำเป็นที่จะต้องปลดสายสื่อสารเพื่อนำลงใต้ดินตามท่อร้อยสายก็ให้จัดทำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการในระยะเวลาที่เหมาะสม 

๑.๒) ให้ผู้ขอใช้ท่อร้อยสายทุกรายสามารถเข้าถึงท่อร้อยสายของหน่วยงานของรัฐได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านเอกชนรายใด โดยให้เป็นไปตามกฎหมายและประกาศ กสทช. เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการใช้ การลงทุน และ การสร้างท่อร้อยสายสื่อสาร หรือกับโครงสร้างพื้นฐานหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้บริการโทรคมนาคม