เครือข่ายความร่วมมือทุกภาคส่วน เดินหน้าโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ ไร้แอลกอฮอล์” เข้มข้นช่วงสงกรานต์ เพื่อตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ทั้งสองฝ่ายที่เกิดอุบัติเหตุจราจร ชี้ข้อมูลตั้งแต่เริ่มโครงการปลายปี 61 ถึงปัจจุบัน มีผลตรวจแอลกอฮอล์กว่า 1,800 ตัวอย่าง พบผู้บาดเจ็บมีแอลกอฮอล์ในเลือดกว่า 62% ของผู้บาดเจ็บที่ส่งตรวจทั้งหมด
นายแพทย์ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาของประเทศไทยมานาน สร้างความสูญเสียทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก โดยในปี 2561 ประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงถึง 20,169 คน (จากข้อมูล 3 ฐาน ของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด) สาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนประการหนึ่ง คือ เมาแล้วขับ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จึงร่วมกับกรมการขนส่งทางบก และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดทำโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ ไร้แอลกอฮอล์” เพื่อพัฒนากลไกการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพและมีความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย โดยกำหนดให้อุบัติเหตุจราจรทุกกรณีที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือมีทรัพย์สินเสียหาย ผู้ขับขี่ทั้งสองฝ่ายต้องถูกตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ หากผู้ขับขี่สามารถตรวจทางลมหายใจได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ แต่ถ้าผู้ขับขี่ไม่สามารถตรวจทางลมหายใจได้ ให้ส่งตัวไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจทาง.
โครงการนี้เป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงาน ได้แก่ กรมควบคุมโรค กรมการขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมประชาสัมพันธ์ กรมคุมประพฤติ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) มูลนิธิเมาไม่ขับ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกันดำเนินการและประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเกรงกลัวต่อกฎหมาย.
นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก พร้อมให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ของหน่วยงานและองค์กรที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สำหรับโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ ไร้แอลกอฮอล์” มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในภารกิจการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ขับรถที่ประสบอุบัติเหตุและไม่สามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทางลมหายใจได้ งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุน ถ้าไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการบริหารโครงการ จะสามารถตรวจพิสูจน์ผู้ขับรถที่ประสบอุบัติเหตุได้เป็นจำนวน 73,000 ราย ครอบคลุมการปฏิบัติงานทั่วประเทศในช่วงระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ไปสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายน 2562 เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้ผู้ขับขี่มีความระมัดระวังมากขึ้น ตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ส่งผลให้การเกิดอุบัติเหตุลดลง ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตลดลงตามไปด้วย
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลการความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะได้กำหนดมาตรการในเชิงป้องกันด้วยการตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจพนักงานขับรถและผู้ประจำรถทุกคนก่อนปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดทุกแห่งทั่วประเทศ รวม 195 แห่ง และสุ่มตรวจสอบระหว่างทางบนถนนสายหลักและสายรอง ณ จุดตรวจความพร้อม 17 จังหวัด รวม 18 แห่ง หากตรวจพบพนักงานขับรถและผู้ประจำรถมีปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจเกิน 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สั่งเปลี่ยนตัวและส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายทันทีเพื่อความปลอดภัย ทั้งยังมีมาตรการเอาผิดกับผู้ประกอบการขนส่งที่ไม่ควบคุมพนักงานขับรถและผู้ประจำรถด้วย หากประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความปลอดภัย หากพบเห็นการจำหน่ายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในสถานีขนส่ง หรือพบพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถหรือขณะขับขี่ แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง