ขสมก.แจงปมยกเลิก E-Ticket 1.6 พันล้าน เผยระบบทอนเงินสุดอืดใช้เวลามากถึง 15 วินาทีต่อครั้ง ด้านเอกชนยื่นเอกสารชี้แจงเล็งเปิดประชุมบอร์ดเคลียร์ใจ 22 เม.ย.นี้ หั่นเป้าจัดหารถเมล์ลดลง 3,700 คัน หวังสภาพัฒน์ฯ ไฟเขียวแผนเช่าปีนี้ 700 คัน รอคมนาคมเคาะขึ้นค่ารถเมล์ปลายเดือนหน้า
นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการติดตั้งกล่องหยอดเหรียญ (Cash Box) รวมถึงเครื่องอ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket) รถเมล์ 2,600 คัน วงเงิน 1.6 พันล้านบาท หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) มีมติยกเลิกสัญญาโครงการไปหลังจากที่พบว่า มีปัญหาขัดข้องทั้งระบบบัตรและกล่องหยอดเหรียญจนทำให้โครงการต้องชะลอออกไปนานนับเดือนในช่วงที่ผ่านมา สำหรับประเด็นหลักที่บอกเลิกคู่สัญญาอย่าง บริษัท ช.ทวี จำกัด(มหาชน) หรือ CHO คือเรื่องของประสิทธิภาพของระบบไม่เป็นไปตามที่กำหนดไว้ใน TOR อาทิ ระบบทอนเงินและระบบคิดเงินนั้นใช้เวลาถึง 15 วินาที/ผู้โดยสาร ส่งผลให้ในช่วงที่ผู้โดยสารมากนั้นอาจใช้เวลามากถึง 4-5 นาที ต่อจำนวนผู้โดยสาร 20 คน เมื่อเทียบกับระบบบัตรรถเมล์ดิจิทัลของธนาคารกรุงไทย ใช้เวลาเพียง 1 วินาทีในการอ่านบัตร อย่างไรก็ตาม ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นทางเอกชนได้ส่งหนังสือและเอกสารชี้แจงมาแล้ว ขสมก.จะนำประเด็นดังกล่าวบรรจุเป็นวาระเพื่อนำมาหารือในการประชุมบอร์ดในวันที่ 22 เม.ย.นี้ ที่ผ่านมาเอกชนได้ติดตั้งระบบอ่านบัตรบนรถเมล์ครบแล้วทั้ง 2,600 คัน ทั้งนี้หลังจากเคลียร์ประเด็นดังกล่าวจบแล้วจะมีการเปิดประมูลโครงการนี้ครั้งใหม่ต่อไป
“เราลองแล้วแต่มันไม่เวิร์ค ระบบไม่เหมือนตามที่กติกากำหนด คิดดีแล้วมีเหตุผลเพียงพอที่จะบอกเลิกสัญญา” นายประยูร กล่าว
นายประยูร กล่าวต่อว่า ส่วนด้านความคืบหน้าแผนจัดหารถเมล์ใหม่นั้น ขณะนี้ถูกสภาพัฒน์ตีกลับให้มาจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องความคุ้มค่า ขสมก.เลยปรับลดจำนวนการจัดหาลง 3,707 คัน เหลือ 12,093 คัน จากเดิม 13,800 คัน โดยในปีนี้จะเป็นการเช่าก่อนจำนวน 700 คัน แบ่งเป็นรถเมล์ไฮบริด 400 คันและรถเมล์เอ็นจีวี 300 คัน รวมถึงการจัดหารถเมล์ไฟฟ้า(EV) จำนวน 35 คัน ที่ผ่านมาได้เสนอผ่านที่ประชุม คณะกรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการ แล้วจึงหวังว่าโครงการจัดซื้อดังกล่าวจะสามารถผ่านความเห็นชอบจากสภาพัฒน์ไม่ยากมากนัก อย่างไรก็ตาม ด้านการปรับขึ้นค่าโดยสารนั้นมีมติมาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอกระทรวงคมนาคมประชุมพิจารณาอนุมัติในวันที่ 22 เม.ย.นี้ หากเห็นชอบก็จะมีผลทันที ซึ่งจะมีการปรับเพิ่มขึ้น 1 บาทขณะที่ราคารถเมล์เอ็นจีวีใหม่ที่วิ่งให้บริการนั้นจะอยู่ที่ 15-25 บาท