เห็นการ “ลากตั้ง” เอ้ย!เลือกตั้งบ้านเราแล้ว “เนตรทิพย์”บอกตามตรง อยากให้ “คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)” เข้าไปสังคายนาและจัดการการเลือกตั้งให้เบ็ดเสร็จแทนคณะกรรมการลากตั้ง เอ้ย!เลือกตั้ง(กกต.) เสียจริง!
เพราะในยุคที่ทุกองค์กรต่างเพรียกหา “ไทยแลนด์4.0”องค์กรที่ทำงานประเภท”ไดโนซอรัส”ยังเรียกพ่อนั้น มันไม่ควรจะมีหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้แล้ว น่าจะสูญพันธ์ไปตั้งแต่เมื่อล้านปีก่อนแล้ว แต่กลับปรากฎว่าองค์กรดังกล่าวยังคงสิงสถิตย์อยู่ในเมืองไทยเรานี่เอง
ส่วนควันหลงของการเลือกตั้ง ที่ แม้กรณีการตีความ “เจ้าหน้าที่รัฐ“ของ “บิ๊กตู่” จะยังคงคาใจผู้คนในสังคม!
ตกลง “บิ๊กตู่- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถมยังพ่วงตำแหน่งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและประธานกรรมการอะไรต่อมิอะไรอีกร้อยแปดพันเก้าน้ันเป็น “เจ้าหน้าที่รัฐ” หรือไม่?
เมื่อองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบต่าง ๆยืนยัน นั่งยัน และบางองค์กรถึงกับ “ตีลังกายัน” ว่า ยังไง “บิ๊กตู่ของเรา ก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นแค่“องค์กรพิเศษ(เหนือความพิเศษของพิเศษ)”อีก!
ก็เป็นอันว่า … “เอาที่สบายใจ” กันไปก็แล้วกัน!
เมื่อ “บิ๊กตู่” ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ บรรดาคำสั่งและนโยบายอะไรต่อมิอะไรที่ทำไปก็เลยจ่อ “งานเข้า”เป็นวัวพันหลัก ไล่ดะมาต้ังแต่กรณีที่นายกฯและหัวหน้า คสช.มีคำส่ัง ม.44 ที่ 89/2557 วันที่ 10 กรกฎาคม 2557 ปลดนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) กรณีที่“น้องแก้ม”เด็กหญิงวัย 13 ปีถูกซาตานลูกจ้างรถไฟ ข่มขืนแล้วโยนร่างเปลือยเปล่าของน้องลงจากขบวนรถไฟ ซึ่ง “บิ๊กตู่” ก็จัด ม.44 สั่งปลดผู้ว่ากรรถไฟฯในขณะนั้นเป็นประเดิม ด้วยข้ออ้าง ไม่กำกับดูแลพนักงานหรือแม้กระทั่งลูกจ้างในสายบังคับบัญชาให้ดีพอ
วันดีคืนดี วันที่ 5 กันยายน2561 ศาลปกครอง ได้มีคำพิพากษาให้การรถไฟฯจะต้องชดเชยกรณีให้นายประภัสร์พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระในสัญญาจ้างเป็นเงินต้น 2,800,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับจากวันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จ
ทีนี้ก็งานเข้าซิเจ้าคะ! เพราะเงินหลวงนั้น “ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟก็ไหม้เป็นจุล” จะไปจ่ายแทนได้ยังไง เพราะหากจ่ายออกไปก็ต้องไปไล้่เบี้ยหาคนรับผิดชอบตาม พรบ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539 การรถไฟเอาเงินรถไฟไปจ่ายให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปก็ด้อยู่ แต่จะต้องหลบการตรวจสอบของ สตง.ให้ดีว่าจ่ายเงินออกไปได้อย่างไร ในเมื่อรถไฟฯไม่ได้เป็นคนก่อ แต่เป็นนายกฯในฐานะหวัหน้า คสช. ที่“ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ”
จนป่านนี้ก็ยังเกี้ยะเซี๊ยะ เคลียร์กันไม่ลง!
แต่ นั่นยังเป็น “แค่น้ำจิ้ม” ยังมีไอ้ที่ “บิ๊กบึ้ม”กว่าน้ันอีก! เพราะยังมีควันหลงจากกรณีที่ พลเอกประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 72/2559 ลงวันที่ 13 ธันวาคม2559 ยุติการทำเหมืองแร่ทองคำในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560ด้วยข้ออ้างได้รับการร้องเรียนว่าก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
ผลพวงจากประกาศิตปิดเหมืองแร่ทองคำดังกล่าว ทำให้บริษัทKingsgate Consolidated ของออสเตรเลียผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซสจำกัด เจ้าของเหมืองแร่ทองคำในจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก ที่ถือเป็นเหมืองแร่ทองคำใหญ่ที่สุดในไทยยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยต้องชดใช้ความเสียหายแก่บริษัทวงเงินกว่า 750 ล้านเหรียญหรือกว่า 30,000 ล้านบาท ด้วยข้ออ้างละเมิดข้อตกลงด้านการคุ้มครองการลงทุนระหว่างกัน พร้อมประกาศยื่นข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ตามกรอบความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย
ล่าสุดเมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา คุณไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ(พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) ก็ออกมาแย้มว่ามีพรายกระซิบว่ากรณี “ค่าโง่เหมืองแร่ทองคำคิงส์เกต” น้ัน รัฐบาลไทยส่อว่าจะต้องชดเชยความเสียหายให้แก่บริษัทหลายหมื่นล้านบาท
จ่อจะกลายเป็นกรณีอัปยศที่ต้องจบลงด้วย “ค่าโง่”ขึ้นมาจริงๆ
แน่นอนว่าหากกรณีดังกล่าวจะต้องจบลงด้วยค่าโง่นับหมื่นล้าน รัฐบาลคสช.ชุดนี้คงไม่สามารถ“ปัดความรับผิดชอบ” ไปให้รัฐบาลอื่นใดได้ เพราะทั้งหลายทั้งปวงล้วนมาจากการตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น ด้วยมั่นใจในอำนาจเบ็ดเสร็จที่ตนเองมี
แต่เงินหลวงนั้นเมื่อจะต้องจ่ายออกไปก็ต้องไล่เบี้ยตาม พรบ.ความรับผิดทางละเมดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2539 แบบกรณี “เรือขุดเอลลิคอตต์” มูลค่า 1,700 ล้านบาทของกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม หรือกรณีค่าโง่ ดับเพลิง กทม.มูลค่ากว่า 6,600 ล้านบาทนั่นแหล่ะ หรือแม้กระทั่งโครงการระบายข้าว”จีทูเจี๊ยะ” ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำลังตีปี๊บไล่เบี้ยล็อต 1 ล็อต 2 และจ่อจะต้องคลอดล็อต 3,4,5 ตามมาอีกราวหนังฮอลลิวู้ด!
แต่ปัญหาก็คือตัวนายกฯในฐานะหัวหน้า คสช.ผู้ออกคำส่ัง ม.44จะต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่?
ก็ในเมื่อใครต่อใคร ออกมานั่งยันยืนยันว่า นายกลุงตู่นั้น “ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ” แล้ว ก็ต้องถามต่อไปว่ากรมเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรมที่ไปดำเนินการตามคำสั่งของคนที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐนั้นจะต้องรับผิดชอบแทมนหรือไม่ หรือจะต้องไปฟ้องไล่เบี้ยเป็นการส่วนตัวเอากับคนที่ทำให้รัฐเสียหายแบบกรณีระบายข้าว จีทูเจี๊ยะที่ว่านั่น
ทั้งหลายทั้งปวงนั้นมันสะท้อนให้เห็นของการตีความแบบศรีธนญชัยที่ “ขว้างงูไม่พ้อคอ”โดยแท้!!!
:เนตรทิพย์