หากจะผ่ายุทธจักรสิบล้อเมืองไทยในเซกเม้นต์ญี่ปุ่นต้องหลีกทางให้กับ 2 พี่ใหญ่อย่าง “อีซูซุและฮีโน่” แต่ละปีทั้ง 2 ค่ายมหาอำนาจนี้กวาดยอดขายเต็มหน้าตักเป็นว่าเล่น โดยสถิติยอดขายรวมแต่ละค่ายเมื่อปี 61 ที่ผ่านมา รวบรวมโดยฮีโน่มอเตอร์เซลส์(ประเทศไทย) พบว่าค่ายอีซูซุกระซวกไป 15,732 คัน ส่วนพี่รองอย่างค่ายฮีโน่ก็ไม่ยอมน้อยหน้าโกยไป 12,609 คัน ส่วนเบอร์สามตกเป็นของค่ายยูดี ทรัคส์ ปิดไป 1,000 คัน ขณะที่ค่ายชบาแดง Fuso แบ่งไป 438 คัน
ฟากเวทีรถใหญ่สายพันธุ์ยุโรปในเมืองไทยแม้ระยะหลังจะมีหลายค่ายร่วมวงสวิงการตลาดด้วยก็ตาม ทว่าความยิ่งใหญ่ยังต้องยกให้ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง “วอลโว่ ทรัคส์และสแกนเนีย” โดยปีที่แล้วค่ายวอลโว่ ทรัคส์ ปั๊มยอดขายรวมได้ 300 คัน ส่วนค่ายสแกนเนียกวาดไปได้506 คัน ขณะที่ค่ายดาวสามแฉกเมอร์เซเดส-เบนซ์ ยกระดับยอดขายดีขึ้นทุกปีจัดไปนิ่มๆ 111 คัน ฟากค่ายพญาราชสีห์ MANกระโดดงับยอดขายพอสบายท้อง 43 คัน
หลังเปิดม่านฟ้าปีหมูทองมาไม่ทันไรสมรภูมิรถใหญ่เมืองไทยจ่อระอุตั้งแต่ต้นปี เพราะบรรดาค่ายรถใหญ่หลากหลายสายพันธุ์ทยอย “ปล่อยอาวุธเด็ด”พลางสาดกระสุน “กลยุทธ์การตลาด”สู้ศึกสมรภูมิรถใหญ่ปี 62 กันเป็นพรวน
Hino 500 Victor Neo ที่สุดความประหยัดเพื่อทุกธุรกิจ
ประเดิมด้วยมหาอำนาจรถใหญ่จากแดนปลาดิบอย่าง“ค่ายฮีโน่”ชิงเปิดตัวรถบรรทุกรุ่นใหม่ก่อนค่ายอื่นๆ ไปตั้งแต่ 18 ม.ค.พร้อมสร้างปรากฏการณ์ให้วงการต้องตื่นตะลึงฮีโน่ 500 วิคเตอร์ นีโอที่มาพร้อมด้วยแนวคิด New Generation Truck ล้ำด้วยดีไซน์ที่ผสานสุดยอดสมรรถณะแห่งความประหยัด และความแข็งแกร่งทรงพลังสมเป็นเอกลักษณ์ความคุ้มค่าจากฮีโน่
มร.ชิน นาคามูร่า กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ฮีโน่ 500 วิคเตอร์ นีโอ นี้ได้รับการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ เพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่ง ทรงพลัง ให้มีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ด้วยดีไซน์ใหม่กระจังหน้าแบบสีใหม่ทันสมัยขึ้น เหมาะกับการใช้งานทุกสภาพผสานกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยมจากขุมกำลังของเครื่องยนต์รหัส A09C-TH ดีเซลคอมมอนเรลเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 4 จังหวะ 6 สูบ ให้กำลังสูงสุด 344 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดเต็มประสิทธิภาพเปี่ยมด้วยสมรรถนะที่แข็งแกร่งเกินนิยามและประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมหลังจากการทดสอบพิสูจน์แล้วว่า ประหยัดกว่าคู่แข่งถึง 3%
“อีกทั้งยังได้ปรับอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้สูงสุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทุกการขนส่ง เราเชื่อมั่นจะตอบสนองความต้องการลูกค้าได้เป็นอย่างดี และเราได้เตรียมจัดกิจกรรมการตลาดอย่างเข้มข้น เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรถรุ่นใหม่ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถบรรทุกฮีโน่ กว่า 94 แห่ง พร้อมที่จะให้บริการลูกค้าทั่วประเทศ และฮีโน่เป็นเจ้าแรกในประเทศไทยที่กล้ารับประกันผลิตภัณฑ์ยาวนานถึง 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ทั้งรถบรรทุกและรถโดยสารทุกรุ่น เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าได้สบายใจในการใช้งานได้อย่างยาวนานโดยขยายเวลารับประกัน 5 ปีตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2562”
นอกจากนี้ ฮีโน่
ยังได้ประกาศทุ่มเม็ดเงิน 4 พันล้านบาท เพื่อสร้างฐานการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย ศูนย์ดังกล่าวจะมีโรงงานแห่งใหม่ มีศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์และสนามทดสอบ
พร้อมอาคารบนพื้นที่ 250 ไร่อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยจะเริ่มก่อสร้างเดือนก.ค. 2562 และเปิดดำเนินงานในปี 2564 และมีแผนการส่งออกไปยังตลาดในภูมิภาคอาเซียนในปี
2567 อีกด้วย
อีซูซุ ไม่หวั่น!พร้อมรบทุกค่าย
เวทีรถใหญ่จากแดนซามูไร“อีซูซุ-ฮีโน่”จัดเป็นมวยถูกคู่แห่งวงการ ทว่าหลังพี่รองอย่างฮีโน่แหวกม่านปีหมูทองเปิดตัวรถรุ่นใหม่หวังไล่บี้จี้บั้นท้ายค่ายคู่แข่งให้ใกล้ที่สุด ขณะที่พี่ใหญ่ของตลาดอย่างค่ายอีซูซุก็ออกโรงตอบโต้ทันควันไม่หวั่นแม้ค่ายคู่แข่งเปิดตัวใหม่ ย้ำตะปูจุดแข็งราคาขายต่อดี พร้อมขยายระยะเวลารับประกัน 5 ปี
มร.โทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่าหลังอีซูซุได้เปิดตัว คิงออฟ ทรัคส์ ในปี60 และได้รับการตอบรับที่ดี ส่งผลให้อีซูซุครองอันดับ 1 ของรถบรรทุกขนาด 2 ตันขึ้นไป (ตัวเลขตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2543 – 31 ธ.ค. 2561) และเพื่อเป็นการตอกยํ้าความเป็นผู้นำ อีซูซุจึงมีการปรับเพิ่มฟังก์ชันใหม่เข้ามา อาทิ แอร์แบ็ก กระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อก อีกทั้งสื่อสารตลาด โดยชูจุดแข็งอย่าง ราคาขายต่อดี ความพร้อมด้านบริการหลังการขาย ราคาอะไหล่ไม่แพง อีกทั้งยังขยายระยะเวลาการรับประกันจากเดิม 3 ปี เป็น 5 ปี
“ยอดขายรถบรรทุกในปีที่ผ่านมา
ถือว่าดีมากและสูงสุดนับตั้งแต่ทำมา ด้วยยอด 15,732 คัน
เติบโต 9.4% ครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50.6% ขณะที่ เป้าหมายในปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนและเราคาดว่าจะเริ่มส่งออกรถบรรทุกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนในปีนี้”
NEW Quester !สอดผสาน 3 ความสุดยอด
ฟากค่ายยูดี ทรัคส์”เบอร์สามตลาดก็ได้เปิดตัว Minor change UD Quester ใหม่พร้อมกับฟีเจอร์สุดล้ำ “เกียร์กึ่งอัตโนมัติ ESCOT”เผยเป็นค่ายรถใหญ่ค่ายแรกกล้า“แหกโค้งตลาดรถใหญ่ญี่ปุ่น”นำระบบนี้มาใช้กับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ชู“ระบบยูดี เทเลเมติกส์” ฟังก์ชั่นช่วยขับเคลื่อนธุรกิจโลจิสติกส์รับมือความท้าทายงานขนส่งยุคใหม่ หนุนเพิ่มผลกำไรให้ธุรกิจขนส่งอันชาญฉลาด
มร. ฌาร์ค มิเชล ประธานหน่วยงาน Volvo Group Trucks Asia & Joint Ventures Sales กล่าวว่า เควสเตอร์ใหมนี้ผสานความสุดยอดของสามด้านไว้ด้วยกัน ได้แก่ คุณภาพและฝีมือการผลิตชั้นเลิศตามมาตรฐานญี่ปุ่นของยูดี ทรัคส์ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของวอลโว่กรุ๊ป และจิตวิญญาณเกมบะที่พนักงานท้องถิ่นแต่ละประเทศจะต้องเข้าใจลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยูดี ทรัคส์ยังเป็นที่รับรู้ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมในกลุ่มรถบรรทุกจากญี่ปุ่นด้วยกัน ดังนั้น เควสเตอร์ใหม่ จึงเป็นอีกผลงานที่สะท้อนถึงความเป็นผู้นำในตลาดรถบรรทุกระดับโลก
“ตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา ยูดี ทรัคส์ ได้จำหน่ายรถบรรทุกที่ติดตั้งเกียร์กึ่งอัตโนมัติ ESCOT ไปแล้วกว่า 80,000 คันทั่วโลก ผนวกกับความมั่นใจและการเป็นที่รู้จักมากขึ้นสำหรับเควสเตอร์ทุกรุ่น เรามั่นใจว่าเควสเตอร์ใหม่นี้จะเป็นรุ่นที่สืบสานตำนานความเป็นรถบรรทุกที่ลูกค้าเชื่อมั่นและวางใจได้ ที่มีต่อเรามาอย่างยาวนาน”
ยอดขายยูดี ทรัคส์ปี 61 ทะลุ 1 พันคัน โต 23%
ด้านมร. อิริค ลาบัท ประธานยูดี ทรัคส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่าเป็นที่น่ายินดีที่ยูดี ทรัคส์ มีอัตราการเติบโตในประเทศไทยและเป็นที่ยอมรับของผู้ประกอบการขนส่งเมืองไทยอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยปี 2561 ที่ผ่านมา เรามียอดขายยูดี ทรัคส์ทะลุถึง 1 พันคัน นับเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 23 % หากเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปี 60
“เราเชื่อมั่น เควสเตอร์ใหม่ นี้จะได้รับความสนใจจากตลาดรถบรรทุกขนาดใหญ่ในประเทศไทย และผู้ประกอบกิจการงานขนส่งในหลากหลายอุตสาหกรรม เพราะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เจ้าของกิจการสามารถเอาชนะความท้าทายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องต้นทุนทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น ความเข้มงวดทางกฎหมายในการจำกัดน้ำหนักบรรทุก การขาดแคลนพนักงานขับรถ”
นอกจากนี้ เควสเตอร์ใหม่ยังคงเน้นความแข็งแกร่งและไว้วางใจได้ อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่โดดเด่น อาทิ เกียร์กึ่งอัตโนมัติ ESCOT เครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังสูงขึ้น และระบบยูดี เทเลเมติกส์ที่ใช้งานง่าย เป็นต้น ส่งผลให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้นในแง่ของการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง การเพิ่มขึ้นของจำนวนผลงาน การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานขับรถ ยกระดับความปลอดภัย รวมถึงเวลาวิ่งงานที่เพิ่มขึ้นด้วย
สแกนเนีย เสริมเขี้ยวเล็บด้วย “รถบรรทุกรุ่นใหม่ล่าสุด”
ฟากรถใหญ่สายพันธุ์ยุโรปในเมืองไทยแม้ระยะหลังจะมีหลายค่ายร่วมวงสวิงตลาดด้วยก็ตาม ถึงกระนั้น ความยิ่งใหญ่ยังต้องยกให้ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง “วอลโว่ ทรัคส์และสแกนเนีย” แต่ทว่าหลังส่องผลงาน2 มหาอำนาจรถใหญ่ยุโรปเมื่อปี 61 ค่ายสแกนเนีย ยังโชว์ฟอร์มเทพสปิดเครื่องยนต์พร้อมควบคุมด้วยระบบเกียร์อัจฉริยะSCANIA OPTICRUISEหนีห่างค่ายคู่แข่งบ้านเดียวกันอย่าง “วอลโว่ ทรัคส์”แทบไม่เห็นฝุ่น พร้อมพุ่งทะยานเข้าเส้นชัยอย่างนุ่มนวลผงาดเป็น “เจ้าตลาดรถใหญ่ยุโรป”2 ปีติดหลังปี 60 สามารถเร่งแรงม้าปาดหน้าค่ายคู่แข่งแล้วพุ่งแตะเส้นชัยพร้อมโค่น “บัลลังก์แชมป์เก่า”ได้เป็นครั้งแรก
หลังเปิดปีศักราช 2562 สแกนเนีย เปิดเกมรุกต่อด้วยการเผยโฉมรถบรรทุกรุ่นใหม่ล่าสุด ผลงานชิ้นโบว์แดงจากงานพัฒนาผลิตภัณฑ์มากว่า 10 ปี และเงินลงทุนกว่า 7.2 หมื่นล้าน เสริมทัพสินค้าหลากหลายมากขึ้น พร้อมเปิดโรงงานแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ตอกย้ำความเชื่อมั่นตลาดในไทยให้เป็นฮับสแกนเนียในเอเชีย
มร.สเตฟาน ดอร์สกี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยว่าการลงทุนครั้งนี้นับเป็นการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ 128 ปีของสแกนเนีย ผมและเพื่อนร่วมงานมีความภูมิใจอย่างยิ่งในการนำเสนอสินค้าและบริการที่จะยกระดับสแกนเนียในประเทศไทย และจะเติบโตไปพร้อมกันกับประเทศไทยในทศวรรษหน้า อีกทั้งยังเป็นการร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับธุรกิจขนส่งในไทย
“การเปิดตัวรถบรรทุกรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ที่ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะเท่านั้น หากยังเป็นเหมือนเครื่องมือพิเศษที่ชาญฉลาดในรูปแบบโซลูชั่นสินค้าและบริการที่ยั่งยืนอย่างครบวงจร เพื่อให้ลูกค้ามีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืนในธุรกิจของลูกค้า ส่วนความโดดเด่นรถรุ่นใหม่นี้มีคุณสมบัติที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือหัวเก๋งที่ออกแบบใหม่หมด งเทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำสมัย เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ และมีทัศนวิสัยดียิ่งขึ้นจากการปรับตำแหน่งผู้ขับขี่และการใช้แดชบอร์ดที่ต่ำกว่าเดิม อีกทั้งอากาศพลศาสตร์ พร้อมทั้งระบบขับเคลื่อนใหม่ที่ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 5%
นอกจากนี้ คุณสเตฟาน กล่าวเสริมว่าด้านความปลอดภัยในการขับขี่ สแกนเนียได้ปรับปรุงคุณสมบัติด้านความปลอดภัยใหม่ทั้งแบบแอคทีฟและแพสซีฟ อย่างเช่น การเป็นเจ้าแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านข้างแบบโรลโอเวอร์ เพื่อปกป้องผู้ขับขี่จากอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ
“สัญญาการบำรุงรักษาก็มีแบบแผนการที่ยืดหยุ่น ซึ่งจะคำนวณช่วงเวลาการบำรุงรักษาที่เหมาะสมสำหรับรถแต่ละคัน ตามการใช้งานจริงของรถ เพิ่มเวลาทำงานรวมสูงสุด และเพิ่มศักยภาพการทำกำไรของลูกค้า สินค้าและและบริการใหม่ ๆ ของเราให้นิยามคำว่า“พรีเมียม” อย่างชัดเจนในอุตสาหกรรมรถบรรทุกเพราะเรารู้ว่าธุรกิจของลูกค้าสำคัญที่สุด”
วอลโว่ ทรัคส์ สู้สุดฤทธิ์!
ขณะที่ค่ายวอลโว่ ทรัคส์ ด้วยดีกรีความยิ่งใหญ่ด้านยนตรกรรมระดับโลกของค่ายวอลโว่ ทรัคส์ ผนวกตัวแปรสำคัญเสมือน “ศักดิ์ศรีค้ำคอ”ในฐานะผู้ครองความเป็นเจ้าตลาดรถใหญ่ยุโรปในเมืองไทยมาโดยตลอด ทว่า การเสียตำแหน่งแชมป์ไป 2 ซ้อนจึงถูกจับตาเป็นพิเศษ
มร. อิริค ลาบัท ประธานวอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) กับการปรากฏกายครั้งแรกต่อหน้าสื่อภายในงานเปิดตัวยูดี เควสเตอร์ภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้กุมทัพวอลโว่ กรุ๊ป(ประเทศไทย)ตั้งแต่ต้นปี 62 ได้เปิดใจถึงภารกิจสุดท้าทายในสมรภูมิรถใหญ่เมืองไทยโดยมี“บัลลังก์เจ้ายุโรป” เป็นเดิมพัน
“วอลโว่ ทรัคส์ ในประเทศไทยค่อนข้างซับซ้อน เพราะตลาดใหญ่จะเป็นค่ายรถญี่ปุ่น เพราะฉะนั้น แม้ในอดีตวอลโว่ ทรัคส์ จะมีโซลูชั่นที่สามารถปรับมาตรฐานให้เป็นชั้นประหยัดเพื่อแข่งขันกับตลาดใหญ่ได้ก็ตาม ถึงกระนั้น เราไม่หยิบมาใช้เหมือนกับค่ายยุโรปบางค่าย แต่เราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราให้ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ขณะเดียวกันเราก็มีกลยุทธ์สำคัญที่จะเจาะกลุ่มตลาดรถญี่ปุ่นแล้ว แต่ตอนนี้ขออุบรายละเอียดไว้ก่อน”
กับคำถามยังมีแรงกระหายเต็มเปี่ยมหรือไม่กับการทวงบัลลังก์เจ้ายุโรปกลับคืน?มร.อีริค ตอบชัดๆตรงๆว่า “แน่นอนครับหากดูทิศทางการเติบโตของยูดี ทรัคส์มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทุกปี ส่วนวอลโว่ ทรัคส์ จากการที่ผมเคยประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนสู่ความเป็นเบอร์หนึ่งแบรนด์ยุโรปในจีนมา ดังนั้น ในประเทศไทยการเป็น “เบอร์รอง”ไม่ใช่สิ่งที่ผมนึกไว้และผมพร้อมที่จะสู้เพื่อก้าวสู่ความเป็นเบอร์หนึ่งในไทยให้ได้”
สิ่งที่น่าจับตาจากนี้ไปหลังวอลโว่ ทรัคส์ปล่อยทีเซอร์เรียกน้ำย่อยการเปิดตัวรถหัวลากระดับพรีเมี่ยมที่มาพร้อมกับ “สุดยอดนวัตกรรม” ความปลอดภัยระดับโลก ทว่า ทางวอลโว่ ทรัคส์จะเปิดตัวเมื่อไหร่? และมียิ่งใหญ่พอจะหักเหลี่ยมโหดกับค่ายคู่แข่งบ้านเดียวกันได้หรือไม่? ต้องจับตาเป็นพิเศษ
เห็นการทยอยปล่อยอาวุธใหม่พลางสาดกระสุนการตลาดกันฝุ่นตลบของบรรดาค่ายรถบรรทุกแล้ว ส่งสัญญาณสมรภูมิรถใหญ่เมืองไทยปีหมูทองนี้ดุเดือดเลือดพล่านแน่ ส่วนค่ายไหนจะพุ่งทะยานเข้าเส้นชัยนั้น?
…ปูเสื่อรอ!