เปิดตัวกระแทกสายตาสาธารณชนไปแล้วภายในงานมอเตอร์โชว์ 2019 ครั้งที่ 40 สำหรับมินิบัส “ฮุนได เคานท์ตี้” และรถบรรทุกขนาดกลาง “ฮุนได ไมท์ตี้”จากค่ายฮุนไดคอมเมอร์เชียล เวฮิเคิลส์ (ประเทศไทย)ในเครือยนตรกิจ ที่คว้าสิทธิ์จาก “ฮุนได มอเตอร์ คอมพานี” ให้เป็นผู้ประกอบ-จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงรายเดียวในประเทศไทย
ผ่าดูไส้ในข่าวพรั่งพราวถึงเส้นทางการทำตลาด และสเปกรถทั้งบัสแอนด์ทรัคพอให้สืบคดีตีข่าวได้ว่าฮุนได คอมเมอร์เชียล เวฮิเคิลส์ (ประเทศไทย) ได้เริ่มสายการประกอบมินิบัส “ฮุนได เคานท์ตี้” ที่โรงงานในกลุ่มยนตรกิจ อุตสาหกรรมย่านลาดกระบัง อีกทั้งการประกอบรถรุ่นนี้ถือเป็นรถมินิบัสรุ่นที่พวงมาลัยขับขวาเป็นครั้งแรกของเมืองมนุษย์โลกซะด้วย
ชำแหละดูไส้ในมินิบัส”ฮุนได เคานท์ตี้” เป็นมินิบัสรองรับได้ 18+1 ที่นั่ง มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลดีโฟร์ดีดี 3,907 ซีซี ระบบหัวฉีดแรงดันสูงคอมมอนเรลที่ให้กำลังสูงสุดจากฝูง 140 แรงม้า ที่ 2,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 38 กิโลกรัมเมตร ที่ 1,600 รอบต่อนาที ขับขี่ปลอดภัยด้วยเกียร์แมนนวล 5 จังหวะ สนนราคาช่วงเปิดตัวอยู่ที่ 1.9 ล้าน โดยจะเริ่มทยอยส่งมอบได้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 62 เป็นต้น
ดูจากทิศทางลมการทำตลาดรถมินิบัสที่พรั่งพรูจากปากผู้บริหารของฮุนได คอมเมอร์เชียล เวฮิเคิลส์ (ประเทศไทย) แล้ว ถือเป็นการปล่อยของสนองรับนโยบายภาครัฐให้ผู้ประกอบการขนส่งทยอยเปลี่ยนรถตู้โดยสารสาธารณะเป็นรถมินิบัส เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ส่งอานิสงส์แรงกล้าให้ตลาดรถมินิบัสบูมดูคึกคักมากขึ้น
ว่ากันว่าจากการหันหัวเรือของค่ายยนตรกิจพุ่งชนเป้าหมายภูเขาน้ำแข็งอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ครานี้ โดยเฉพาะในการขึ้นไลน์การประกอบรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ประเภทรถมินิบัส “ฮุนได เคานท์ตี้” ด้วยเม็ดเงิน300 ล้านบาทเลยทีเดียว โดยคาดการณ์จะปั้มยอดขายได้ประมาณ 200 คัน ส่วนแผนการขยาย-แต่งตั้งเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการ จะอยู่ตามหัวเมืองหลัก 5–10 แห่งภายในปี 62
ฟากรถหัวลาก-รถบรรทุกดูสวนทางกับรถมินิบัส (ซะงั้น) เพราะทิศทางลมการนำเสนอรถบรรทุกขนาดกลางอย่าง “ฮุนได ไมท์ตี้”และรถหัวลาก “ฮุนได เอ็กซ์เซนท์”เป็นรถนำเข้าทั้งคัน หาใช่เป็นการเปิดซิงไลน์ประกอบที่โรงงานของยนตรกิจเฉกเช่นรถมินิบัส”ฮุนได เคานท์ตี้”ไม่ ที่ยอมทุบกองคลังลงทุนถึง 300 ล้านบาท ซึ่งทิศทางตลาดน่าจะ “รุ่ง” มากกว่า
หวยล็อคออกมา 3 ตัวตรงไม่ต้องโต๊ดแบบนี้ แปลเป็นอื่นไม่ได้นอกเสียจากการทำตลาดแบบ “โยนหินถามทาง” หากกระแสตอบรับดีก็ลุยต่อ ตรงกันข้ามหาก “เงียบกริบ” ก็พับแผนลอยคอตีกลับแดนกิมจิไป หากเป็นเยี่ยงนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเซกเม้นต์รถบรรทุกมันก็อิแค่ “ลูกเมียน้อย”ดีๆนี่เอง
หรืออาจเป็นได้?บนหอคอยค่ายยนตรกิจ หลังจับยามสามตาดูสมรภูมิรถบรรทุกเมืองไทยด้วยแว่นขยายแล้ว การเลือกประจันหน้าตะบันการตลาดรถบรรทุกเมืองไทยที่อุดมด้วย “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” ส่องทางรอด ณ ปลายอุโมงค์แล้วช่างริบรี่เหลือเกิน ประจักษ์พยานเห็นชัดมากกว่า Super HD ที่บรรดาค่ายรถใหญ่หลายยี่ห้อทั้งจากแดนมังกรก็ดี อินเดียก็ดี เอาชีวิตมาทิ้งไว้ในสุสานตลาดรถใหญ่เมืองไทยก็มีให้เห็นเป็น“อุทาหรณ์สยองใจ”
ดังนั้น การเลือกวิธีชิมลางไปพลางๆก็ไม่เห็นเสียอะไรเปล่าๆปลี้ๆ!
อีกคมเหลี่ยมหนึ่งก็ดูจะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป เป็นการดีซะอีกที่ค่ายยนตรกิจจะได้เวลาพิสูจน์ตัวเองให้จงหนัก ทั้งต่อคำสบปรามาสในศักยภาพการทำตลาดที่เหมือนต้อง “คำสาป” ที่ไม่ว่าไปจับแบรนด์ไหนก็ไปไม่รอดจูงมือกัน“ดิ่งเหว” แปลให้ถูกใจวัยโจ๋โซเชียลแถวบ้านโคกหมาว้อในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศ …ก็มหกรรม “เจ๊ง”บันลือโลกดีๆนี่เอง
การศึกในสมรภูมิรถใหญ่เมืองครานี้แหละที่ค่ายยนตรกิจ จะได้สำแดงฝีไม้ลายมือพลางสยบลบคำสบปรามาสทั้งหลายแหล่ให้สิ้นซาก!?
แม้รถใหญ่สายพันธุ์กิมจิในประเทศไทยอาจดูไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก แต่หากกวาดสายตาไปยังประเทศเพื่อนบ้านไทยอย่างสปป.ลาว รถบรรทุก-หัวลากยี่ห้อฮุนไดนี่โลดแล่นบนท้องถนนจนชินลูกกะตา และถือได้ว่าเป็นยนตรกรรมที่ขายดีอันดับ 1 ของสปป.ลาวเลยทีเดียว แต่ทว่า ส่วนมากแล้วก็ยังเป็นรถมือ2 ซะมากกว่า
การตะบันธุรกิจยานยนต์ในสมรภูมิรถใหญ่เมืองไทยคราวนี้สำหรับยนตรกิจ อาจดูเป็นน้องใหม่ในวงการก็ตาม ทว่า โอกาส ความท้าทาย และความสำเร็จยังเปิดกว้างอยู่เสมอ เพราะโลกธุรกิจอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ขอบิณฑบาตไว้อย่างเดียว อย่าเพิ่งท้อและสิ้นหวังไปตั้งแต่… “นกกระจอก”ไม่ทันกินน้ำก็แล้วกัน!
:ปีศาจขนส่ง