ครบรอบ 71 ปีเข้าสู่ทศวรรษที่ 8 ถึงเวลาต้อง “รีแบรนด์”ใหม่สำหรับนำสินประกันภัย เปิดวิสัยทัศน์ใหม่ “Better Partner Better Together”มุ่งเน้นร่วม “คิด-ทำ-สร้างสรรค์”ผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์คู่ค้า กรุยทางสู่การเติบโตธุรกิจและการดำเนินชีวิตของทุกคนก้าวหน้าก้าวไกลไปด้วยกัน ย้ำถึงเวลาต้อง“เปลี่ยน”เพื่อให้ทุกชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม
ยึดถือฤกษ์งามยามดี 25 มี.ค.62 วันครบรอบ 71 ปี ย่างเข้าสู่เส้นทางทศวรรษที่ 8 สำหรับบริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่ตะบันวงล้อธุรกิจประกันภัยอยู่คู่สังคมไทยมากว่า 70 ปี นำทัพโดยคุณสมบุญ ฟูศรีบุญ กรรมการผู้จัดการ ขนาบข้างด้วยขุนศึกมือฉมัง คุณวรวัจน์ เจริญชัยพงศ์ กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการ พาเหรดทีมผู้บริหารครบครัน แถลงเปิดวิสัยทัศน์แบรนด์ใหม่ NSI นำสินประกันภัย “Better Partner Better Together”พุ่งชนเป้าหมายส่งมอบคุณค่าความเป็นพันธมิตรที่ร่วมคิดร่วมทำกับลูกค้าและคู่ค้าเพื่อสรรค์สร้างให้เกิดสิ่งที่ดีและยั่งยืนไปพร้อมกัน
เปิดวิสัยทัศน์ใหม่ Better Partner Better Together
เผาหัวจากผู้บริหารรุ่นใหม่อย่างคุณวรวัจน์ เจริญชัยพงศ์ กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการ ได้ฉายภาพเหตุผลสำคัญถึงการ “รีแบรนด์” ในครั้งนี้ว่านำสินประกันภัยเป็นแบรนด์ที่มีอายุยาวนานถึง 71 ปี แม้จะเติบโตมาอย่างมั่นคง แต่เมื่อเทรนด์โลกก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล โครงสร้างและพฤติกรรมผู้บริโภคมีความซับซ้อนนำไปสู่การเลือกใช้บริการที่เปลี่ยนแปลงไป NSI นำสินประกันภัย จึงจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย เปลี่ยนไปตามเทรนด์ Digital Transformation หรือการเปลี่ยนแปลงธุรกิจโดยใช้ดิจิทัลมาเป็นหัวใจในการดำเนินงาน ต้องสร้างความแตกต่างของแบรนด์นำสินประกันภัยให้ต่างไปจากยุคเก่าโดยต้องรีแบรนด์แบบยกเครื่องทั้งองค์กร
“วิสัยทัศน์ใหม่กับการรีแบรนด์ใหม่นำสินครั้งนี้ มุ่งเน้นคุณค่าของการเป็น Better Partner Better Together คือการเป็นสมาร์ทพาร์ทเนอร์ที่เราจะต้องร่วมคิดร่วมทำร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์ให้กับคู่ค้าและลูกค้าของเรา เพื่อให้ธุรกิจและการดำเนินชีวิตของทุกคนก้าวหน้าก้าวไกลไปด้วยกัน”
คุณวรวัจน์ อธิบายต่อว่าสิ่งแรกของการเปลี่ยนที่เห็นชัดเจนก่อนเลยคือการเปลี่ยนตราสัญลักษณ์หรือโลโก้ ที่ทันสมัยและสดใสขึ้น โดยพัฒนาจากลักษณะของ “โล่” เรียกว่า “ชิลด์ ไอคอน” นำอักษรย่อ NSI เพิ่มขึ้นนำหน้าคำว่า”นำสินประกันภัย” ส่วนสีประจำบริษัทจะยังคงเป็นโทนสีน้ำเงิน ที่สว่างสดใสขึ้นจากเดิม มีสีส้มเป็นสีรองที่บ่งบอกถึงความกระตือรือร้น ความรู้ความเชี่ยวชาญ ส่วนสีเทาหมายถึงมิตรภาพ ความอ่อนน้อมถ่อมตนและการประณีประนอม ซึ่งความหมายโลโก้โดยรวมจะมีความหมายว่า “นำสินประกันภัยคือพันธมิตรที่คอยปกป้องคุ้มครองผู้ประกอบการและลูกค้าให้ได้รับความมั่นคง และบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เพื่อให้ชีวิตดียิ่งขึ้นไปด้วยกัน
เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรจากรับเป็น“รุก”
อย่างไรก็ดี คุณวรวัจน์ ยังร่ายมนต์ถึงมิติการเปลี่ยนแนวคิด กระบวนการทางธุรกิจ และทักษะการทำงานบุคลากรว่าเพื่อรองรับการเข้ามาของ InsurTech ที่อาจเข้ามา Disruption อุตสาหกรรมประกันภัยในยุค Thailand 4.0 เราจึงมีแผนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลง หรือ “โรดแมพ” ในการรีแบรนด์ NSI นำสินประกันภัยอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ปีนับจากปีนี้ไป
“โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้สอดรับยุคสมัยจากเชิงรับเป็นเชิงรุก การปรับเปลี่ยนวิธีคิดวิธีการทำงานจากแบบ Silo หรือแยกส่วนฝ่ายใครฝ่ายมัน เป็นแบบ Cross Functional Team คือการสร้างทีมทำงานในแต่ละโครงการที่ตอบโจทย์แบรนด์ โดยนำความรู้ความสามารถของบุคลากรจากหน่วยงานต่างๆ มาระดมสมองสร้างสรรค์โครงการร่วมกันและผลักดันโครงการต่างๆ เหล่านั้นให้บรรลุผลสำเร็จตามแผนงาน ด้านทักษะความสามารถของพนักงานก็จะเน้นเสริมสร้างความรู้ความชำนาญในหน้าที่ และความรู้ในธุรกิจประกันภัยให้เป็นมืออาชีพด้านการประกันภัย โดยเฉพาะการประกันภัยรถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์ และการประกันภัยขนส่ง เป็นต้น”
ขณะที่เทคโนโลยีประกันภัย หรือ InsurTechซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้คนไทยในยุคนี้เข้าถึงการประกันภัยมากขึ้น จากเดิมลูกค้าอาจมีความยุ่งยากในการจ่ายเบี้ยประกันภัย รวมไปถึงการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมกับธุรกิจและตนเอง การรีแบรนด์ครั้งนี้คณะผู้บริหาร NSI นำสินประกันภัยมีแผนนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาประสิทธิภาพและรูปแบบธุรกิจประกันภัยด้วยเช่นกัน
“นอกเหนือจากประสิทธิภาพการนำมาใช้เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินกิจการแล้ว ยังจะนำมาใช้เพื่อเพิ่มคุณภาพการให้บริการคู่ค้าและลูกค้า เช่น การพัฒนาแอพพลิเคชั่นแจ้งเคลมผ่านมือถือ ขยายช่องทางการขายผ่านระบบออนไลน์ และการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การสื่อสารแบรนด์ผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ รวมทั้งการตอบข้อซักถามและรับเรื่องร้องเรียนผ่านแชทบอท เป็นต้น ตอนท้าย”
เบี้ยรวมปี 62 แตะ 2,038 ล้าน พอร์ตรถใหญ่นำโด่ง 68 %
ฟากแม่ทัพใหญ่อย่างคุณสมบุญ ฟูศรีบุญ กรรมการผู้อำนวยการ เปิดลายแทงถึงผลการดำเนินงานปี 2561 ว่าปีที่แล้วบริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 2,038 ล้านบาทโดยแบ่งออกเป็นประกันภัยรถยนต์ 1,409 ล้านบาท ประกันอัคคีภัย 30 ล้านบาท ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 26 ล้านบาท และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและอื่นๆ573 ล้านบาท
“บริษัทฯ ยังคงมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรถยนต์สูงที่สุดคืออยู่ที่ร้อยละ 69 หรือเท่ากับ 1,409 ล้านบาท มีประกันภัยประเภทไม่ใช่รถยนต์ (Non Motor) อยู่ที่ร้อยละ 31 หรือเท่ากับ 629 ล้านบาท หากเปรียบเทียบพอร์ตระหว่างรถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์ กับรถยนต์ส่วนบุคคล มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 68 ต่อ 32 ซึ่งหมายความว่าธุรกิจหลักของ NSI นำสินประกันภัย ยังคงมุ่งเน้นที่ รถใหญ่ หรือรถยนต์ใช้เพื่อการพาณิชย์เป็นหลัก”
ย้ำตะปูขวัญใจสิบล้อด้วยโปรดักส์ใหม่ “รถใหญ่ใจดี”
กรรมการผู้อำนวยการ เผยอีกว่าNSI นำสินประกันภัยแม้จะมีกำไรในปีที่ผ่านมาเพียง 98 ล้านบาท เนื่องจากเป็นปีที่มีการแข่งขันเรื่องอัตราเบี้ยประกันค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ก็ยังมีความมั่นคงอยู่มากประจักษ์พยานที่สะท้อนชัดคือเรามีค่า CAR ( Capital Adequacy Ratio) ซึ่งเป็นตัวเลขสัดส่วนของอัตราสินทรัพย์เสี่ยงต่อเงินกองทุนสูงถึง 498.39 หรือเกือบ 4 เท่าของอัตราที่ คปภ.กำหนด (คปภ.กำหนดสัดส่วนต้องไม่ต่ำกว่า 140) ขณะเดียวกันมีสินทรัพย์รวมในปีที่ผ่านมาสูงถึง 3,613 ล้านบาท จึงทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าผู้ถือกรมธรรม์ของ NSI นำสินประกันภัยทุกราย จะได้รับความคุ้มครองด้วยความมั่นคงปลอดภัยอย่างแน่นอน
“ส่วนเป้าหมายปี 62 เราจะไม่เน้นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด คาดจะสามารถผลิตผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 2,330 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 12 โดยยังคงเน้นสัดส่วนการทำธุรกิจประกันภัยรถยนต์ในอัตราร้อยละ 64 ส่วนธุรกิจการประกันภัยอื่นๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์จะอยู่ที่อัตราร้อยละ 36 โดยเรายังคงเน้นที่กรมธรรม์รถบรรทุกและรถเก๋งขนาดใหญ่กว่า 2,000 ซีซี เพราะถือว่าเป็นความถนัดและความเชี่ยวชาญของเรา โดยเราได้ออกโปรดักส์ใหม่เอาใจรถบรรทุกที่ชื่อ “รถใหญ่ใจดี”กรณีลูกค้าเกิดรถเสียที่ไหนก็ตาม เราจะนำรถยกเพื่อลากไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย และกรณีเกิดรถน้ำมันหมด เราก็จะจับมือทีมงานเอ้าท์ซอร์สเอาน้ำมันไปเติมให้เพื่อให้ลูกค้าขับรถต่อไปยังปั้มน้ำมันใกล้เคียงได้”
อย่างไรก็ดี คุณสมบุญ กล่าวย้ำในตอนท้ายว่าการรีแบรนด์ครั้งนี้จะมีสินค้าและบริการใหม่ๆ ทั้งก่อนการขายและหลังการขายมาตอบโจทย์ลูกค้าอย่างถูกใจและใหม่ขึ้น โดยทั้งหมดจะเน้นให้สอดรับกับคุณค่าของแบรนด์ที่เราตั้งใจส่งมอบให้ลูกค้าและคู่ค้าคือการเป็น Better Partner Better Together ที่เราพร้อมจะก้าวไกลไปด้วยกันในยุค 4.0