ฉาวซ้ำขึ้นมาอีกจนได้!
กับกรณีการบังคับใช้ประกาศ กสทช. ว่าด้วยการลงทะเบียนซิมใหม่แบบ “อัตลักษณ์” ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการมือถือต้องลงทะเบียนด้วยระบบตรวจสอบอัตลักษณ์ทั้งใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ หรือ Finger print ที่ศูนย์บริการของผู้ให้บริการ หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งดีเดย์มาตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ 61
โดย กสทช. ยืนยันนั่งยันว่า ระบบการลงทะเบียนซิมอัตลักษณ์ใหม่ที่ว่านี้จะป้องกันการสวมรอย ปลอมแปลงการลงทะเบียนซิมการ์ดไปก่ออาชญากรรม ในทุกรูปแบบ เพราะผู้ลงทะเบียนต้องยืนยันและพิสูจน์ตัวตนผ่านระบบที่ กสทช.และผู้ให้บริการมือถือร่วมกันจัดทำขึ้น
แต่ไหงล่าสุดกับเกิดกรณี “ซาเล้งเมืองสุพรรณ” ตบหน้าซิมอัตลักษณ์ กสทช. อีกครั้ง โดยลวงขอบัตรประชาชนชาวตำบลเนินมะปรางค์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ดอดไปเปิดเบอร์มือถือทรูมูฟ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อนับสิบราย ทำเอาชาวบ้านที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่า 20 ราย เจอบิลล์เรียกเก็บค่าบริการถึงกับ “ช็อคตาตั้ง” แต่ละรายได้รับใบแจ้งหนี้ค่าบริการรายเดือนจากบริษัท ทรู คนละกว่า 3,590 บาท ต่อเนื่องถึง 4 เดือน รวมเป็นเงินรายละกว่า 14,300 บาท ทั้งที่ชาวบ้านยืนยันไม่เคยเปิดใช้ซิมทูรมูฟที่ได้รับแจกมาแต่อย่างใด บางรายยังได้รับหนังสือจากสำนักงานทนายความที่ขอให้ชำระหนี้ตามยอดค้างเอาด้วยอีก
ด้านสำนักงาน กสทช. ก็ออกมาสอบพอเป็นพิธี (อีกตามเคย) โดยวันวานสำนักงาน กสทช. ได้เรียกผู้แทนบริษัท ทรูมูฟ มาชี้แจงกรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้น (ตามระเบียบ) ซึ่งก็คงจะลงเอยด้วยการมีหนังสือสั่งให้บริษัทเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบการขอเปิดซิมใหม่ให้เป็นไปตามประกาศ กสทช. อีกเช่นเคย
เพราะก่อนหน้าเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ก็เกิดมีกรณีหนุ่มใหญ่ดีลเลอร์ขายโทรศัพท์เคลื่อนที่วัย 31 ปี ดอดไปปลอมแปลงบัตรประชาชนของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไปลงทะเบียนซิมโทรศัพท์ของค่ายทรูผ่านระบบออนไลน์ที่ กสทช. วางไว้ ก่อนนำไปขายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไปนับสิบเบอร์จนเป็นข่าวครึกโครม ในครั้งนั้น กสทช. ที่ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบ พบว่า มาจากช่องโหว่ของการลงทะเบียนซิมอัตลักษณ์ที่ค่ายมือถือบางค่ายที่จำหน่ายซิมการ์ดผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-11 ยังไม่ดำเนินการลงทะเบียนในระบบอัตลักษณ์ก่อนที่ กสทช. จะเรียกผู้ประกอบการทุกค่ายมาสำทับพร้อมประกาศให้ทุกค่ายเร่งขยายจุดลงทะเบียนซิมการ์ดที่ว่านี้ให้ครอบคลุม 100% ภายในเดือนตุลาคม 61 นี้เพื่อป้องกันการขโมยบัตรประชาชนไปลงทะเบียนก่ออาชญากรรมขึ้นอีก
แต่ไหงยังคงเกิดกรณีซ้ำรอยขึ้นมาอีก สะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่ กสทช. ตีฆ้องร้องป่าวว่า ได้สั่งให้ทุกค่ายมือถือเร่งขยายจุดลงทะเบียนซิมการ์มมือถือระบบอัตลักษณ์ใหม่ให้ครอบคลุมทั้ง 100% และแม้บางค่ายจะตั้งตัวแทนจำหน่ายรายย่อย (ลูกตู้) ก็ต้องจัดให้มีการลงทะเบียนด้วยระบบซิมอัตลักษณ์ที่ว่านี้ไม่ให้เกิดช่องโหว่ขึ้นมาได้อีกนั้น แท้ที่จริงแล้วก็แค่มาตรการฉาบฉวยขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ
ที่น่าตกใจไปยิ่งกว่านั้น นัยว่าจากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวยังพบด้วยว่า ปัจจุบันร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่จำหน่ายซิมการ์ดมือถือของบางค่ายที่ไม่ต้องเอ่ยกู้รู้ว่าค่ายไหนนั้นก็ยังคงเปิดลงทะเบียนซิมการ์ดด้วยระบบเดิม แค่ถ่ายรูปแชะ เอาสำเนาบัตรประชาชนไปลงทะเบียนก็ได้แล้ว โดยไม่มีการยืนยันหรือตรวจสอบระบบอัตลักษณ์ใด ๆ
จนก่อให้เกิดคำถามไปยัง กสทช. ว่า ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบการดำเนินการตามประกาศ กสทช. กับค่ายมือถือบางค่ายหรือยัง เพราะผ่านมากว่า 10 เดือนเข้าไปแล้วก็ยังคงแก้ไขปัญหาการปลอมแปลงหรือแอบนำเอาบัตรประชาชนไปซื้อซิมการ์ดใหม่เปิดเบอร์ใหม่มาก่ออาชญากรรมกันให้วุ่น เราได้เห็นปัญหาอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ที่คนนี้คนนั้นถูกปลอมเฟซบุ๊ค แฮกเฟซบุ๊ค หรือหลาอกโอนเงินเข้าบัญชีโน้นนั่นนี่กันหนาหู
ทั้งหมดก็ล้วนมาจากความหย่อนยานของการปล่อยปละละเลยการบังคับใช้ประกาศ กสทช. ว่าด้วยการลงทะเบียนซิมอัตลักษณ์ของ กสทช. เองนั่นแหล่ะ ที่ยังคงเอื้ออาทรหรือเอื้อประโยชน์ให้ค่ายมือถือบางค่ายดำเนินการลงทะเบียนในรูปแบบเก่าที่ไม่เป็นไปตามประกาศ กสทช. ได้อยู่ จริงไม่จริงท่านประธาน กสทช.!!!