นำสินประกันภัย ปลื้มสุดขีดหลังผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง เผยรายได้เบี้ยประกันภัยปี 58 โต 16.86% ลั่นปี 59 รุกขยายงานตลาดรถใหญ่ กรุยทางบริษัทประกันภัยให้บริการสร้างหลักประกันความคุ้มครองธุรกิจของผู้ประกอบการโลจิสติกส์อย่างครบวงจร สยายปีกรับไทยศูนย์กลางธุรกิจโลจิสติกส์อาเซียน ตั้งเป้าเบี้ยรายได้ปีนี้ 2,500 ล้านบาท หวังพุ่งชนเป้าโต 25 %
คุณสมบุญ ฟูศรีบุญ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดแผยว่าผลประกอบการปี 2558 มีเบี้ยประกันภัยรับตรงจากการประกันภัยรถยนต์ 1,518.37 ล้านบาท ประกันอัคคีภัย 34.23 ล้านบาท ประกันภัยขนส่งทางทะเล 19.90 ล้านบาท ประกันภัยอุบัติเหตุและอื่นๆอีก 433.14 ล้านบาท โดยสัดส่วนเบี้ยประกันภัยระหว่าง Motor และ Non Motor จะอยู่ที่อัตราร้อยละ 76 ต่อ 24 ถือเป็นผลงานอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้จะไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ แต่ก็พอใจที่ผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
“ส่วนปี 2559 เราตั้งเป้าเบี้ยประกันไว้ที่ 2,500 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกเราได้ยอดที่ 558.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 66.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.42 ส่วนกลยุทธ์การตลาดจากนี้ไป เราได้กำหนดแผนธุรกิจไว้อย่างชัดเจน เพื่อมุ่งเน้นให้นำสินประกันภัยเป็นบริษัทประกันภัยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการประกันภัยของผู้ประกอบการขนส่ง หรือโลจิสติกส์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่อย่างครบวงจร เพราะประสบการณ์ที่มีมากว่า 68 ปี ทำให้เรามั่นใจในทีมผู้บริหารและพนักงานจะสามารถแนะนำให้บริการรูปแบบความคุ้มครองด้วยกรมธรรม์ประเภทต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม และเหมาะสมกับผู้ประกอบการในแต่ละรายที่แตกต่างกัน”
ลั่นปี 59 ปูพรมเจาะ “ตลาดรถใหญ่”
นอกจากนี้ คุณสมบุญ ระบุเพิ่มเติมว่าเราเน้นนโยบายเพื่อเติมเต็มและพัฒนาธุรกิจประกันภัยรถใหญ่ให้ครอบคลุมความเสี่ยงภัยให้กับผู้ประกอบการขนส่งในทุกกรณี โดยเราได้จัดทำแพ็คเกจประกันภัยสำหรับกลุ่มรถบรรทุกที่ออกแบบความคุ้มครองไว้อย่างครบวงจร
“นอกจากจะเป็นการรับประกันภัยเฉพาะการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับและภาคสมัครใจ ไม่ว่าจะทำประกันภัยประเภท 1 หรือประเภท 3 แล้วก็ตาม ผู้เอาประกันภัยยังสามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้อีก 2 รูปแบบได้แก่ การประกันภัยความรับผิดต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการขนส่ง ซึ่งจะให้ความคุ้มครองความรับผิดส่วนเกินจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ หรือเรียกว่า Top Up Liability Insurance โดยผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองได้ตามความเหมาะสมสูงสุดไม่เกิน 30,000,000 บาทต่อเหตุการณ์”
ตอบโจทย์ “โลจิสติกส์” ครบวงจร
ด้านคุณเลิศชาย ประภาศิริรัตน์ รองกรรมการผู้อำนวยการ กล่าวเสริมว่าบริษัทฯยังได้พัฒนากรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจรับจ้างขนส่งสินค้า ซึ่งจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดจากความสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการขนส่งตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ซึ่งกรมธรรม์ประเภทนี้เรียกว่า กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดของผู้ประกอบการขนส่งหรือ Carrier Liability Insurance เพิ่มเติมจากกรมธรรม์ Top Up Liability Insurance
“หลายๆ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับสินค้าที่ขนส่ง เรามักจะพบว่าวงเงินจำกัดความรับผิดที่ได้จากการทำประกันภัยไว้ อาจไม่เพียงพอต่อความรับผิดต่อสินค้าที่ทำการขนส่ง ดังนั้น ผู้เอาประกันภัยหรือผู้ประกอบการควรคำนึงถึงมูลค่าของสินค้าที่ทำการขนส่งว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด ซึ่งแพ็คเกจดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งสามารถมั่นใจว่าความเสี่ยงภัยที่ตนเองฝากไว้กับพนักงานขับรถจะได้รับความคุ้มครองอย่างเพียงพอ และไม่ทำให้ธุรกิจตนเองต้องสะดุดหยุดลงด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น”
“ส่วนบริการหลังการขายนั้น เรามีสาขาทั้งหมด 28 แห่งทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ขณะที่บุคลากรก็ได้รับการฝึกฝนและเสริมสร้างทักษะความรู้อย่างเพียงพอที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัย โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ติดแนวตะเข็บชายแดนทุกสาขา ซึ่งสามารถเคลื่อนที่เร็วเพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ขับขี่รถยนต์ในกรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านแนวเขตชายแดนไทย กับสปป.ลาว แนวตะเข็บชายแดนประเทศกัมพูชา และแนวชายแดนด้านประเทศเมียนมา เชื่อมั่นว่าทั้งหมดทั้งมวลจะทำให้นำสินประกันภัยบรรลุเป้าหมาย 2,500 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน” คุณเลิศชาย กล่าวสรุปปิดท้าย