เพียงไม่ถึงขวบเดือนจากวันนี้ กงล้อแห่งปี 2558 ก็ได้เวลาม้วนเสื่อกลับบ้านกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ก่อนจะแทนที่ด้วยปี 2559 ขณะที่ถนนทุกสายต่างก็พากันคาดการณ์ปี 2559 น่าจะเป็นปีแห่งความหวังของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง หลังจากที่ประชาชนคนไทยต้องผิดหวังอย่างร้ายแรงจากพิษเศรษฐกิจในปี 2558 ที่ซึมลึกหนักหน่วงต่อเนื่องมาจากปี 2557 แม้จะตั้งความหวังเล็กๆหลังได้รัฐบาลคสช.ที่มีอำนาจเต็มเปี่ยมภายใต้การนำของ“บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.แล้วเศรษฐกิจไทยน่าจะกลับมายืนผงาดได้อีกครั้งหลังรัฐบาลปฏิรูป
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นแค่วาทกรรมทางการเมืองไปแล้วเวลานี้ เพราะไม่เพียงวิกฤติเศรษฐกิจไทยจะยังคงไร้วี่แววของการฟื้นตัว แต่กลับยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าพื้นฐานเดิมที่มีเสียอีก
ปฏิเสธไม่ได้ว่าองคาพยพของประเทศด้านเศรษฐกิจตลอดขวบปี 58 ล้วนเผชิญปัจจัยเสี่ยงทั้งในและนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว เศรษฐกิจภายประเทศตกอยู่ในช่วงขาลง การส่งออกติดลบต่อเนื่อง กำลังซื้อหดตัว และหนี้ครัวเรือนทะยานสูงสิ่ว หลอมรวมเป็นพายุลูกมหึมาถาโถมใส่รัฐนาวารัฐบาลคสช.เข้าเต็มเปา ถึงแม้จะได้ขุนพลเศรษฐกิจมือฉมังอย่าง “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องพิสูจน์กึ๋นกันระยะยาว
ขณะที่สมรภูมิรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่เมืองไทยอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่มีอัตราการแข่งขันดุเดือดทุกปี ก็ไม่วายโดนพิษเศรษฐกิจขาลงเล่นงานจนงอมพระรามเช่นกัน หลากหลายค่ายรถบรรทุกทั้งสายพันธุ์จากแดนปลาดิบ ยุโรป และพญามังกรจีน ต่างรักษาท่าทีการขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดอย่างระมัดระวัง
ถึงขนาดบู๊ลิ้มรถบรรทุกเมืองไทยต่างออกโรงฟันธงตรงกันว่าปีที่แล้วว่าแย่เต็มกลืนแล้ว ปีนี้ก็ไม่ต่างกัน!
การันตีภาวะซบเซาของตลาดรถใหญ่ได้จากหลักฐานการรายงานสถิติในรอบ 10 เดือนของปี 58 โดยบริษัท ฮีโน่ มอเตอร์เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่ายอดขายรวมทุกค่ายอยู่ที่ 21,860 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ที่ 21,816 สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจขาลงได้พ่นพิษใส่สมรภูมิรถใหญ่เมืองไทยเข้าเต็มเปา ส่งผลให้ยอดขายรวมดิ่งเหวเซ่นพิษเจริญรอยตามชนิดไม่ผิดเพื้ยนจากยอดขายเมื่อปีที่แล้ว
ดังนั้น LT Logistics Timeขอประมวลภาพรวมการขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดของค่ายรถบรรทุกหลากหลายสายพันธุ์ในเมืองไทยตลอดขวบปี 58 ดังต่อไปนี้
สแกนเนีย เร่งขยายศูนย์ฯ-รุกตลาดรถพ่วง
ประเดิมด้วยค่ายรถบรรทุกสุดแกร่งสายพันธุ์ยุโรปอย่าง “สแกนเนีย” แบรนด์ระดับพรีเมี่ยมที่ได้รับใช้พี่น้องสิงห์รถบรรทุกเมืองไทยในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ไทย เป็นที่ยอมรับและโดนใจของผู้ประกอบการขนส่งไทยในด้านคุณภาพของสินค้าและบริการ จนกลายเป็นแบรนด์รถบรรทุกชั้นนำจากแผ่นดินยุโรป ที่สามารถเกาะกลุ่มลูกค้าระดับบนได้อย่างเหนียวแน่นตลอดระยะเวลา 29 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มร.สเตฟาน ดอร์สกี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เผยถึงนโยบายการดำเนินธุรกิจของสแกนเนียว่า สแกนเนีย ยังดำเนินนโยบายภายใต้แนวคิดผู้ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจร (Total Solutions) ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถบรรทุก รถโดยสาร รถที่ใช้ในกิจการเฉพาะ เครื่องยนต์เรือ เครื่องยนต์สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า เครื่องยนต์ที่ใช้ในเครื่องจักรอุตสาหกรรม รวมถึงบริการด้านสินเชื่อและประกันภัยรถ ซึ่งจากการดำเนินนโยบายดังกล่าวประกอบกับมาตรฐานการเป็นผลิตภัณฑ์ระดับโลก ทำให้สแกนเนียยังเป็นตัวเลือกลำดับต้นในด้านการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ประกอบการไทย
“ตลาดรถใหญ่เมืองไทยในปีนี้ ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศพอสมควร ส่งผลให้ขยายตัวได้ไม่มากนัก โดยทั้งปีน่าจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3-5% และตลอดทั้งปีคาดจะมียอดการจดทะเบียนอยู่ที่ประมาณ 1.8 หมื่นคัน ส่วนแนวโน้มหลังจากนี้ก็น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากการขับเคลื่อนมาตรกการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก มาตรการช่วงเหลือผู้ประกอบการธุรกิจSMEs มาตรการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ การผลักดันโครงการก่อสร้างเมกะโปรเจ็คต์อย่างเป็นรูปธรรมจากภาครัฐ ประกอบการกับการเปิดเออีซีในปลายปีนี้ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการด้านการลงทุนเพิ่มมากขึ้น”
ด้านนายภูริวัทน์ รักอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาค บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวเสริมว่าส่วนแผนการตลาดของสแกนเนียในขณะนี้ มุ่งเน้นไปใน 2 ส่วนสำคัญ ส่วนแรก คือ การขยายศูนย์บริการให้ครอบคลุมทุกจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งทั่วประเทศ ณ วันนี้ สแกนเนีย มีศูนย์บริการทั่วประเทศแล้วทั้งสิ้น 9 ศูนย์ด้วยกัน และจะขยายเพิ่มอีก 3 แห่งภายในปีหน้า ส่วนที่สอง คือ การเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า ในการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น ล่าสุด สแกนเนีย ได้มีการเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์รถพ่วง หรือ Rigid Truck ขึ้น ในรุ่น Scania P360 CB6x4MSZ เครื่องยนต์ 360 เหมาะกับการใช้งานขนส่งด้านการเกษตรและงานก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฟูโซ่ ตอกย้ำคุณภาพ Powered by Daimler 100 %
ฟากฝั่งค่ายรถบรรทุกจากแดนปลาดิบอย่าง “ค่ายฟูโซ่” ตลอดทั้งปีที่แม้ค่ายไหนจะปฏิบัติการเป็น “เสือซุ่ม” จับทิศทางตลาดก็ตาม แต่ค่ายฟูโซ่กลับไม่ยอมหยุดนิ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเติมเต็มเซ็กเม้นต์ที่ไม่เคยทำตลาดมาก่อน เบิกร่อง ปฏิบัติการ “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว”ด้วยการนำเข้ารถโม่ปูนทั้งคัน FJ 2528 จากโรงงานเดมเลอร์ประเทศอินเดีย เขย่าตลาดรถใหญ่เมืองไทยให้สะเทือนเมื่อช่วงต้นปี เพียงแค่ 4 เดือนให้หลังก็กระชากเรตติ้งการครองสัดส่วนรถโม่ปูนของฟูโซ่ทะยานสูง 25 % สร้างปรากฏการณ์หน้าใหม่ในเซ็กเม้นต์ที่ฟูโซ่ไม่เคยทำตลาดมาก่อน
ด้วยแรงหนุนจากกระแสตอบรับของผู้ประกอบการขนส่งไทยอย่างดีเยี่ยม ผนวกกับได้โอสถทิพย์จากบริษัทแม่ “เดมเลอร์ กรุ๊ป”ที่หนุนหลังเต็มพิกัด ทั้งการวางกลยุทธ์การตลาดแบบมืออาชีพ พร้อมกางโรดแม็ป T425 ปูทางพุ่งชนสัดส่วนตลาด 25 % ภายในปี 2020 เป็นแรงส่งให้ค่ายฟูโซ่ใส่เกียร์ห้าเดินหน้าเสริมทัพสุดลิ่ม ด้วยการอวดโฉมสมาชิกใหม่ 3 ซีรีส์ 5 รุ่น ท้าสายตาสิงห์รถบรรทุกเมืองไทยเมื่อช่วงเดือนส.ค. พร้อมเร่งอัตราแรงบิดเต็มพิกัดด้วยจุดขายถูกกว่าคู่แข่งรุ่นชนรุ่น 5-10%ภายใต้แนวคิด Built for Maximum Profitability ด้วยพื้นฐานต้นทุนรวม (TCO)ต่ำสุด
มร.เกล็น ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดทั้งปีฟูโซ่ได้เผยโฉมรถบรรทุกรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเมืองไทย สามารถสร้างอัตราเติบโตได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ฟูโซ่มั่นใจจะสร้างอัตราเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักมาจากการนำเสนอรถรุ่นใหม่ๆ ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มความต้องการของลูกค้า และยังจะช่วยขยายฐานลูกค้าฟูโซ่ในประเทศไทยให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
“ปีนี้ฟูโซ่ได้นำเสนอรถบรรทุกคุณภาพออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากรถผสมปูนรุ่น FJ 2528 ที่ได้เปิดตัวในช่วงต้นปี และต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่ทั้งหมด 5 รุ่น เมื่อเดือนส.ค. และได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเกินคาด สิ่งเหล่านี้เองล้วนเป็นแรงผลักดันให้ฟูโซ่ผนึกพลังแบบใกล้ชิดร่วมกับ MFTBC และ Daimler ในการเตรียมการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในช่วงสิ้นปีนี้ และพร้อมสร้างสีสันและความคึกคักต่อเนื่องในปีหน้าในกลุ่มตลาดรถHeavy Duty ซึ่งการรุกตลาดรถบรรทุกในครั้งนี้จะทำให้เราก้าวสู่การเป็นแบรน์ดชั้นนำในระยะเวลาอันใกล้นี้”
ขณะที่นายธนภัทร อินทวิพันธุ์ รองประธาน บริษัท ฟูโซ่ ทรัค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่าตลอด 10 เดือนที่ผ่าน เราทำยอดขายได้ 930 คัน คาดทั้งปีจะสามารถทำยอดขายให้ได้กว่า 1,300 คัน ถึงแม้จะไม่ตรงตามเป้า 1,600 คันตามที่คาดหมายเมื่อต้นปีก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หลุดจากเป้าไปมากนัก นอกจากการเปิดตัวให้ครอบคลุมทุกเซ็กเม้นต์ และสนองตอบทุกความต้องการของลูกค้าแล้ว แนวทางการทำตลาดก็สำคัญเช่นกัน โดยเราจะมุ่งเน้นทำการตลาดภายใต้แนวคิด TCO (Total Cost of Ownership) คือการทำให้ต้นทุนรวมทั้งหมดต่ำที่สุด โดยเน้นย้ำคุณภาพต้องดีกว่าในราคาที่จ่ายไป ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า ค่าบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งานที่ต่ำกว่า และราคาขายต่อที่สูงกว่า เมื่อทำตลาดแล้วต้องถูกว่าคู่แข่งรุ่นชนรุ่น 5-10 % โดยเราได้มอบแนวคิดนี้ให้ทีมขายของฟูโซ่และดีลเลอร์ทั่วประเทศ
“นอกจาการเติมเกมรุกด้วยแผนการตลาดเชิงรุกควบคู่กับการพัฒนาสินค้าให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเมืองไทยให้ครบทุกจุด อาทิ มีความทนทาน คุ้มค่า ยืดหยุ่นในการใช้งาน และประหยัดเชื้อเพลิงแล้ว การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายรถบรรทุกฟูโซ่ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ตอนนี้เรามีศูนย์บริการฟูโซ่ รวมถึงดีลเลอร์และทีซีออโต้ฮับทั่วประเทศรวม 26 แห่งด้วยกัน และวางแผนขยายเพิ่มอีก 14 ให้ครบ 40 แห่งภายในปีหน้า ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในการบริการหลังการขายให้กับลูกค้า และเพื่อรองรับความต้องการของตลาดอย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น”
ฮีโน่ ปล่อยทีเด็ด 500 VICTOR ใหม่
ส่วนความเคลื่อนไหวของ “ค่ายฮีโน่” อีกหนึ่งค่ายรถบรรทุกแบรนด์ชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่น ที่ยืนหยัดเคียงข้างคู่กับวงล้อเศรษฐกิจไทยและเป็นแบรนด์ขวัญใจผู้ประกอบการขนส่งเมืองไทยมากว่าครึ่งศตวรรษ ที่ล่าสุด ได้ฤกษ์ปล่อยทีเด็ดร่วมวงไพบูลย์เขย่าตลาดรถใหญ่เมืองไทยกับการเผยโฉมรถบรรทุกรุ่นใหม่ HINO500 VICTOR นิยามใหม่ของรถบรรทุก ที่มีรูปลักษณ์ล้ำสมัย คุณภาพสูง ทนทาน ปลอดภัย และตอบสนองการใช้งานการบรรทุกขนส่งที่หลากหลาย
มร.ชิน นาคามูร่า กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่ากว่าครึ่งศตวรรษที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย รถบรรทุกฮีโน่นั้นถูกใช้งานในหลายภาคอุตสาหกรรม ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตของคนไทยโดยเริ่มจากการขนส่งสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ในศตวรรษที่ 21 การขนส่งมีความซับซ้อนและมีคุณภาพมากขึ้น ไม่ใช่เพียงการเคลื่อนย้ายสิ่งของโดยรถบรรทุกอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นยุคที่จะต้องสามารถตอบสนองต่อความต้องการสูงสุดสำหรับตลาดในประเทศไทย และยังเป็น Global Concept Truck ที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าในเมืองไทยจะได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุด
“หนึ่งในนั้นที่จะเป็นจุดเด่นอีกตัวหนึ่งของ HINO500 VICTOR ใหม่ คือ“อิคิวซัง”(เขียนคำว่า ไอคิว แต่อ่านว่า “อิคคิว) เป็นระบบการทำงานผสมผสานระหว่าง GPS กับ Tachographที่จะทำให้ทราบถึงการเร่งความเร็ว ความเร็ว การหยุดรถ โดยเป็นเทคโนโลยีการควบคุมการขับขี่ เวลาการขับขี่ การหยุดรถ ตำแหน่ง และสภาพอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยจะทำให้ผู้ควบคุมการขนส่งรับทราบถึงการเบรคอย่างกระทันหัน การขับแบบอันตราย และตำแหน่งพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุมาก ซึ่งจะใช้เตือนโดยมีเสียงพูดและคำสั่งแสดงบนหน้าจอ เพื่อสนับสนุนการทำงานทั้งพนักงานขับและพนักงานคุมรถในด้านข้อมูลสำหรับความปลอดภัย”
ด้านนายอำนวย พงษ์วิจารณ์ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าแนวคิดการพัฒนารถบรรทุกฮีโน่ 500 VICTOR คือให้รถฮีโน่เป็นผู้บุกเบิกและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถบรรทุกในเมืองไทย ภายใต้นโยบายหลักของ ฮีโน่ QDR คือ คุณภาพสูง มีความทนทาน และเชื่อถือได้ ทีมวิศวกรของฮีโน่จึงได้พัฒนารถบรรทุกฮีโน่ 500VICTOR ที่รวบรวมจุดเด่นต่างๆ ไว้มากมาย ด้วยดีไซน์โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย ครบครันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่มีการพัฒนาปรับปรุงเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละประเภท
“เมื่อต้นปีเราตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 15,000 คัน แต่เมื่อภาพรวมตลาดรถใหญ่ชะลอตัวตามวงล้อเศรษฐกิจของประเทศ เราจึงปรับลดยอดขายรวมจากเดิม โดยยอดขายเมื่อผ่าน 10 เดือนของปี เราขายได้ 9,127 คัน ใกล้เคียงกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันที่ 9,032 คัน ห้วงเวลาที่อีก 2 เดือนของปี เราจะพยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อแชร์สัดส่วนตลาดให้ได้ 45 % จากยอดขายทั้งหมดของค่ายรถญี่ปุ่นด้วยกัน”
ยูดี ทรัคส์ จัดหนักจัดเต็ม เผยโฉม 15 รุ่นรวด
ขณะที่ค่ายยูดีทรัคส์ อีกค่ายรถบรรทุกจากแดนซามูไรภายใต้ชายคา “วอลโว่กรุ๊ปประเทศไทย” หลังเผยโฉมยูดี เควสเตอร์ ตั้งแต่ปลายปี 56 และได้เปิดใจกว้างรับข้อแนะนำและเสียงสะท้อนจากลูกค้าในด้านผลิตภัณฑ์ของยูดี ทรัคส์ พร้อมเดินหน้าปรับปรุงผลิตภัณฑ์ตามความต้องการใช้งานของลูกค้า และพัฒนารถรุ่นใหม่ในโมเดลเควสเตอร์อีก 15 รุ่นรวด เพื่อรองรับการขนส่งทุกอุตสาหกรรมด้วยรถบรรทุกครบทุกรุ่นการใช้งาน ย้ำมั่นใจตลาดรถใหญ่คึกคักหลังประตูAEC เปิดเต็มบาน
มร. ฌาคส์ มิเชล ประธานกรรมการบริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่ายูดี เควสเตอร์ รุ่นใหม่นี้ ถูกออกแบบและพัฒนาเพื่อรองรับกับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่งานขนส่งระยะสั้น ระยะกลางและระยะไกลในภาคการเกษตร รถโม่ปูนซิเมนต์ หรือ Mixer งานเหมือง งานก่อสร้าง การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ การขนส่งรถยนต์ และการขนส่งปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์
“แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัว แต่จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐกำลังเร่งดำเนินการอยู่ในเวลานี้รวมถึงการเร่งลงทุนโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ ประกอบกับการเปิด AEC ซึ่งย่อมส่งผลดีต่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยให้ดีขึ้น ซึ่งนั่นจะเป็นแรงส่งให้ตลาดรถใหญ่จะขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ เราได้ทุ่มลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาทเพื่อขยายโชว์รูมและเครือข่ายการให้บริการจาก 5 ดีลเลอร์ มาเป็น 15 ดีลเลอร์ และอีก 1 ดีเลอร์เอกชน ซึ่งเสร็จสมบูรณ์พร้อมให้บริการ โดยเฉพาะจังหวัดสำคัญ ๆ ที่จะรองรับ AEC ได้แก่สาขาจังหวัดตาก ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ เป็นต้น”
เบสท์ริน กรุ๊ป นำเข้า“SITRAK” ร่วมบู๊ตลาดรถใหญ่
ปิดท้ายกับค่ายรถบรรทุกจากแดนมังกรอย่าง“รถบรรทุกSITRAK”ที่เบสท์ริน กรุ๊ป ถือสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในฐานะผู้นำเข้าและผู้แทนจำหน่ายรถรุ่นนี้ในประเทศไทย โดยรถบรรทุก SITRAK อยู่ภายใต้การควบคุมมาตรฐานและคุณภาพของ MAN เพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ หวังปั้นให้เป็นแบรนด์ติดตลาดและโลดแล่นบนท้องถนนเมืองไทยเฉกเช่นรถโดยสาร SUNLONG
มร.หลิน เข่อนัว ประธานกรรมการ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ระบุว่าหลังจากที่เบสท์รินได้เริ่มทำตลาดรถโดยสารซันลอง(SUNLONG) อย่างเต็มตัวเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จในแง่การทำตลาด จนถึงขณะนี้มีทำรถโดยสารซันลองวิ่งอยู่บนถนนเมืองไทยเกือบ 8,000 คันแล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่งเราเริ่มที่จะขยายธุรกิจรถใหญ่เพิ่ม เพราะมูลค่าการตลาดของตลาดรถใหญ่สูงมาก ปีหนึ่งๆมียอดขายหลายหมื่นคัน ซึ่งเป็นหนึ่งก้าวย่างที่ท้าท้าย
“ทุกรุ่นที่เราได้นำเข้าและทำตลาดในประเทศไทย แบ่งย่อยออกไปอีก 2 โมเดลด้วยกัน คือรุ่น T5G ซึ่งเป็นโครงสร้างแชสซีส์ที่แข็งแรงแต่น้ำหนักตัวรถเบาแค่ 8 ตัน อีกทั้งโดดเด่นด้านการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 3.5 กิโลต่อลิตร สามารถประกอบเป็นรถหัวลาก รถดัมพ์ รถคาร์โก้ ส่วนอีกรุ่นหนึ่ง คือ รุ่น V7 รุ่นนี้มีสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยมด้วยแรงม้ามากถึง 430 แรงม้า เครืองยนต์ MC11 เหมาะสำหรับต่อประกอบเป็นรถหัวลาก ตอบโจทย์การวิ่งใช้งานในระยะทางไกลได้ดี ส่วนการขยายฐานลูกค้าเพิ่มทั่วประเทศนั้น ทางบริษัทฯจึงต้องลงทุนเพื่อตั้งสาขาก่อนไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯ ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ภูมิภาคละ 1 แห่ง จากนั้นจึงขยายเพิ่มดีลเลอร์กระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ”
แม้ตลาดรถใหญ่เมืองไทยจะเผชิญชะตากรรมตามวงล้อเศรษฐกิจขาลงของประเทศก็ตาม แต่ทว่า เส้นทางเดินเพื่อไขว่คว้าโอกาสทองฝังเพชรยังเปิดกว้างรอสิงห์รถบรรทุกเมืองไทยอยู่เบื้องหน้าเสมอ ไม่มีประโยชน์กับการจมปรักกับซากความล้มเหลวในรอยอดีต จงทิ้งความขมขื่นไปกับปีเก่า แล้วถือฤกษ์เบิกม่านฟ้ายามที่นภาผ่องใสกันในปีหน้า
ยิ่งเมื่อรัฐบาลคสช.ประกาศปี 2559-2560 จะเป็นปีแห่งการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง กระทรวงคมนาคมเองก็ประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์การลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งรถไฟฟ้า โครงข่ายถนนมอเตอร์เวย์ และรถไฟความเร็วสูง -รถไฟความเร็วปานกลาง ที่จะต้องเห็นเป็นรูปธรรมกันในปี 2559 นี้
อานิสงส์เหล่านี้คงทำให้ตลาดรถบรรทุกในไทยคึกคักขึ้นมาได้อย่างแน่นอน