ประเด็นสุดร้อนฉ่าที่กลายเป็น Talk of the town ทั่วบ้านทั่วเมืองในเวลานี้ เป็นอื่นไม่ได้นอกจากปมร้อนที่กรมการขนส่งทางกำลังจะโชว์ผลงานชิ้นโบว์แดงแสลงใจอีกครั้ง นัยว่ากำลังตีปี๊ปชงแก้พรบ.จราจรใหม่“การขับขี่รถที่ไม่พกพาใบอนุญาตขับขี่และใบอนุญาตขับขี่หมดอายุ”จากเดิมปรับไม่เกิน 1 พันบาท แต่กฎหมายใหม่เสนอให้ปรับเพิ่มโทษอ่วมอรทัยใน 3 โลก จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท
แม้ร่างกฎหมายฉบับแก้ไขฉบับปัญหาดังกล่าวนี้ยังไม่ถูกบังคับใช้ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ร่างอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ก็ตาม แต่ทว่า ผีไม่ทันจะถึงป่าช้าก็โดนประชาชนทั่วบ้านทั่วเมืองตีเสกหน้า-ถล่มยับไม่เหลือซากซะแล้ว
กลายเป็นปมร้อนฉ่าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์พลางก่นด่าภาครัฐเละตุ้มเปะในโลกโซเชียล พร้อมกระทืบซ้ำนานาเหตุผลสนับสนุนให้พวกเขาพร้อมใจต่อต้านและมองว่าเป็น “กฎหมายสุดอัปยศ”ที่ภาครัฐมองไม่เห็นเงาหัวความคิดเห็นของประชาชน อยากจะออก-ปรับแก้กฎหมายอะไรออกมาก็สุดใจปรารนาภาครัฐฝ่ายเดียว
แม้หากมีการบังคับใช้จริงจะมีผลในเชิงทฤษฎี-จิตวิทยาให้ผู้คนยำเกรงต่อกฏหมายที่มีโทษหนักก็ตาม แต่ทว่าโดยธรรมชาติการใช้ยาแรงมักมีผลข้างเคียงตีกลับมาสุดแรงเกิดเช่่นเดียวกัน มันจะกลายเป็นดาบ 2 คมพร้อมกับข้อกังขาของสังคมว่าการเพิ่มโทษหนักเป็นการแก้ไขปัญหาทางถูกทางแล้วหรือไม่? มันเป็นสมการของการแก้ไขัปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับฐานความผิดแล้วหรือไม่?ปรับโทษหนักใครคือผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง?ยิ่งปรับโทษหนักก็ยิ่งเปิดทางจนท.ขูดรีด-เรียกรับผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองจนพุงกาง?
ไม่แปลกหรอกที่ถูกประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์และสวนกลับภาครัฐชนิดแสบสันต์ พลางลากเข้าไปถล่มเละในโลกโซเชียลพร้อมติดแฮชแท็กไม่เห็นด้วย-ขอคัดค้านกับกม.สุดอัปยศนี้ และควักมือเรียกพลเมืองในโลกออนไลน์ช่วยกันกดไลท์ขแชร์ให้กระหึ่มกันไปข้าง
ร้อนรนไปถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องออกโรงแก้เกี้ยวข่าวพลางสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่วิพากย์วิจารณ์สนั่นโลกโซเชียลเวลานี้!
โดยกรมการขนส่งทางบกออกโรงแก้เกี้ยวข่าวกรมฯได้เสนอปรับแก้กฎหมายทั้ง 2 ฉบับ คือพรบ.รถยนต์-จราจรเข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นกฎหมายเดียว ง่ายต่อการกำกับดูแล รวมทั้งเร่งปรับปรุงรายละเอียดของกฎหมาย ให้ทันสมัยและสอดคล้องพฤติกรรมขับขี่ของผู้ใช้รถใช้ถนนให้มากขึ้นในยุคปัจจุบัน
โดยพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ตามกฎหมายใหม่ ที่กรมฯนำเสนอได้มีการแก้ไขปรับเพิ่มโทษสำคัญๆ ใน 3 มาตรา ประกอบด้วย 1.มาตรา 64 ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต เดิมลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท แต่กม.ใหม่ปรับเพิ่มโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท 2.มาตร 65 ขับรถในระหว่างใบอนุญาตสิ้นอายุ ถูกพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตหรือถูกยึดใบอนุญาต เดิมปรับไม่เกิน 2 พันบาท แต่กฎหมายใหม่เพิ่มโทษจำคุกเข้ามาด้วย คือ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ส่วนโทษ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท และ3.มาตรา 66 ขับรถโดยไม่แสดงใบอนุญาต เดิมปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่ตามกฎหมายใหม่ เสนอให้ปรับสูงสุดไม่เกิน 1 หมื่นบาท
พร้อมเหตุผลสุดลาสสิคการเพิ่มโทษตามกฎหมายใหม่นี้ ที่ภาครัฐสุดมั่นใจนักหนาสามารถเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนและลดอุบัติเหตุในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ ส่่วนการปรับโทษสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาทที่ว่าสังคมมองว่ามันเหมาะสมแล้วหรือไม่ ประเด็นร้อนนี้ทางสตช.ก็ออกโรงตีปี๊ปแจงเหตผลจะปรับมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บังคับใช้กฎหมาย
แหม…ประชาชนฟังแล้วโคตรดีใจเลย ไหนช่วยตอบประชาชนให้อุ่นใจหน่อยบ้างเถอะว่าเมื่อกฎหมายใหม่ระบุปรับสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท อย่าตอบนะว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้แสนจะน่ารักของประชาชนจะขอปรับแค่พอหอมปากหอมคอภายใต้ดุลยพินิจที่เหมาะสมเพียงแค่ 800 บาทก็พอ
ลำพังกฎหมายเก่าขับรถไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ที่มีโทษปรับไมเกิน 1 พันบาท ผู้พิท้กษ์ส้นติราษฏร์ที่ซุ่มอยู่ตามเสาไฟฟ้าบ้าง ตามตรอกซอกซอยบ้าง, ตามใต้สะพาน,ทางโค้ง,เนินเขา,สุมพุมต้นไม้บ้าง ก็ยังอุตส่าห์ปรับผู้ประชาชนผู้กระทำผิดอย่างมีดุลพินิจเหนาะๆไป 400 บาทหน้าตาเฉย แค่นี้ประชาชนผู้จ่ายภาษีโดยชอบธรรมยังหน้ามืดตาลายเลย
แล้วจะป่วยกล่าวไปไยถึงมาตรฐานกับใครที่ไหนมาวัดตวงกับกฎหมายใหม่ที่มีทะลุไม่เกิน 5 หมื่นบาทเล่า!
สุดท้ายแล้วใคร่อยากสะกิดต่อมรับรู้ภาครัฐหน่อยลองถามประชาชนบ้างแล้วหรือยัง? การเพิ่มโทษหนักใช่ทางออกปัญหา? หรือภาครัฐไม่รู้แก่ใจเชียวหรือว่าต้นตอปัญหามันอยู่ที่ไหน? หรือรู้แล้ว…แต่ยังดื้อรั้นยัดเยียดปิดทางเดินประชาชนตาดำๆหวังเปิดทางทำมาหากินของเจ้าหน้าที่รัฐน้ำเลว?
การเสนอกม.ห้ามนั่งท้ายรถกระบะก็เสียหมาไปอีกเรื่องแล้ว จะมาเสียหมาบนทางหลวงกับอีกเรื่องเน่าๆพันธุ์นี้…ก็นิมนต์เลยเถอะขอรับ!!
:ปิศาจขนส่ง