เลาะระเบียงขนส่ง 166
นิตยสาร Logistics Time ปีที่ 14 ฉบับที่ 166 ฉบับครบรอบ 14 กะรัตสมบูรณ์พูนพลแห่งการตะบันหน้าที่สื่อมวลชนประจำเดือนสิงหาคม 2561 : “สิงห์ตะวันเพลิง” ชื่อใหม่หน้าเก่า-แก่ขาประจำขอรายงานตัวประจำฐานกองบัญชาการข่าวคอลัมน์“เลาะระเบียงขนส่ง” ทำหน้าที่รายงานข่าวเด่น-ดัง-ร้อนในในแวดวงขนส่ง พลางหยิบแกมหยอกบรรดาพี่น้องสิงห์รถบรรทุกและผู้ประกอบการขนส่งทั่วฟ้าเมืองไทยอีกแล้วครับกระผม
***รวดเร็วปานสายฟ้าแลบอย่างที่จั่วหัวไว้อีก่ครั้งครับพี่น้อง กับวงล้อการทำหน้าที่สื่อสารมวลชนด้านโลจิสติกส์ ตลอดถึงห่วงโซ่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้านคมนาคมขนส่ง ปีนี้ได้หมุนล้อหน้าที่เวียนบรรจบครบรอบ 14 เต็มบริบูรณ์ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้เสพข่าวสารปรับเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่มาเร็วแรงทะลุนรกแตกถล่มสื่อกระดาษล้มหายตายยกแผง หมดยุคสื่อกระดาษโดยสิ้นเชิง ที่เหลือซากประดับแผงก็เพียงแค่ประคับประคองเท่านั้น อีกไม่นานเกินรอแค่ไหน?…สื่อกระดาษถึงคราลาแผงหมดเกลี้ยง?น่าใจหายเหมือนกันครับ แต่นั่นอะไรเกิดก็ต้องเกิดบนโลกกลมๆใบนี้
***นี่คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นที่แม้ใครต่อใครในวงการสื่ออาจไม่ยอมรับได้ แต่ทว่าหากจะเดินเส้นทางนี้เปิดใจให้กว้างสุดลูกหูลูกตาพลางกล้าปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์จริงอย่างสมดุล ปรับเร็วได้เปรียบหากช้าเป็นเต่าเท่ากับรอวันตายโหงตายห่านและ…ถอยหลังลงคลอง นิตยสาร LogisticsTime ก็ไม่ได้สิทธิ์เหนือการเปลี่วนแปลงแต่อย่างใด เราเองก็ยังปรับตัวตามฐานานุรูป แปลง่ายๆ”ตามกำลังศรัทธา:นั่นแหละคุณโยม แต่จะทนทานหาญกล้าได้นานเท่าใดนั้น บอกตามตรงมิอาจทราบชะตากรรมได้
*** 14 ปีที่อยู่รอดปลอยภัยจากปากเหยี่ยวจากปากกาพญมารก็ถือว่าสุดยอดแล้วครับพี่น้อง ถามว่าจะอยู่ยงกระพันไปอีกกี่ปี? สิงห์ตะวันเพลิง ก็ตอบยากยิ่งกว่างมเข็มในอ่างเก็บน้ำบ้านโนนหมาว้อ เอาเป็นว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์และบุญนำกรรมแต่งล่ะกัน ส่วนหนึ่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึง 14 ปี ก็ต้องกราบขอบพระคุณท่านผู้อ่าน- ผู้สนับสนุนโฆษณาที่มีมหาอุปการคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ เรายังยืนทำหน้าที่สื่อมวลชนด้วยความมุ่งมั่นและนำเสนอข่าวสารตรงไปตรงมาภายใต้จรรยาบรรณสื่อมวลชนสืบไป
***วกมาแวดวงสังคมขนส่งหลังนายกฯลุงตู่จ้อข่าวหน้าทีวีประกาศก้องให้ประชาชนคนไทยพร้อมสังคมโลกที่จับจ้องให้ทราบกันถ้วนหน้าว่าปีหน้ฟ้าใหม่เร็วสุดเดือนก.พ.ช้าสุดไม่เกินเดือนพ.ค. จะมีการเลือกตั้งใหญ่แน่นอน ยกเว้นจะยกพวกตีกันอีก (ซะงั้น) สิงห์ตะวันเพลิง ก็ได้แต่ภาวนาพุทโธ่ดังๆว่าขอให้เกิดจริงเถอหนอ..พองหนอ…สาธุ!
***ส่วนความคืบหน้าแวดวงขนส่งเมืองไทยชั่วโมงนี้หลังแว่วเสียงซึงทางการเมืองเรืองรองมาแว้ปๆแล้วนั้น ผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงขนส่งก็เคลื่อนไหวทันที ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ เป็น “เฮียยู เจียรยืนยงพงศ์”ผู้ที่ใครต่อใครต่างขนานนามเขาบ้างก็ว่า “มาเฟีย” บ้างก็ว่า “เจ้าพ่อรถบรรทุก”บ้างก็ว่า “เหล่าต้า” หรือแม้กระทั่งล่าสุด “ประมุขสิบล้ออาเซียน” ที่พลิ้วไหวตามแรงลมอดีตประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย หรือแม้แต่ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน หรือ ที่เฮียแกกุมบังเหียนในปัจจุบัน
*** วันนี้เฮียแกเรียกเสียงฮือฮาอีกครั้งกับการประกาศชัดลงเล่นการเมืองเต็มตัวและหัวใจแล้ว กับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิวัฒน์ ที่มี “สมเกียรติ ศรลัมพ์” อดีตสว.-สส.นครสวรรค์ เป็นหัวหน้าพรรค ว่ากันตามจริงแม้แต่ สิงห์ตะวันเพลิง ก็ไม่ทราบมาก่อนหน้านี้คือกันว่าเฮียแกจะสร้างบิ๊กเซอไพร้สช็อควงการ หรือที่ผ่านมามันคือปฏิบัติการ ลับ ลวง พลาง ครับเฮียยู?
*** ขณะที่ “พ่อใหญ่ทองอยู่ คงขันธ์” ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ที่มีข่าวลือสะพัดสนั่นสวนสะตอว่าท่านกำลังจะกระโจนเข้าเล่นการเมืองเต็มตัวเช่นกัน หากภาษามวยเขาเรียกง้างเข่าตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเวที จนป่านนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าพ่อใหญ่ทองอยู่ของกระผมจะลงเอยที่พรรคใดกันแน่ หรือท่านซุ่มเงียบบินไปจิบน้ำชาที่มหานครดูไบแล้วก็ไม่อาจทราบได้คือกัน?
***สิงห์ตะวันเพลิง กราบเรียนตามตรงโดยไม่ต้องโต๊ดให้เสียเวลาครับว่าหาก 2 ผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงขนส่งกระโจนลงเล่นการเมืองเต็มตัวแล้วล่ะก็ ไอ้กระผมก็ไม่ได้อินังขังขอบกับท่านหรอกครับ เพราะมันเป็นสิทธิโดยขอบธรรมของท่าน และมุมเหลี่ยมหนึ่งก็เป็นโอกาสดีเสียอีกที่จะได้เห็นคนขนส่งได้โลดแล่นในสภาอันทรงเกียรติกับเขาบ้างไรบ้าง เพื่อเข้าไปร่วมผลักดันแนวนโยบายด้านขนส่งที่ท่านเคยดันแล้วดันอีกในภาคเอกชนแต่ถูกเมินเฉยจากนักการเมือง ที่สำคัญท่านเคยวิพากย์วิจารณ์นักการเมืองไว้เยอะเช่นกัน คราวนี้จะได้รู้ว่าท่านจะมีน้ำยาหรือไม่?
***หากเป็นเช่นนั้นอย่างที่ทั้งผู้ยิ่งใหญ่ฝันไว้เกิดเป็นจริงคงหนุกหนานและมีสีสันน่ารักน่าเอ็นดู เพราะ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ต่างก็เพรียบพร้อมด้วยองค์ความรู้ความสามารถและประสบการณ์มากโข บวกกับลีลาการพูดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงลิ่ว เผลอๆอาจกลายเป็น “ดาวสภา” ก็…อาจ..เป็น…ได้
***ขออย่างเดียวพอได้ขึ้นหอคอยเป็นสส.สมใจนึกบางลำภูแล้วก็ กรุณาอย่า(ริ)เจริญรอยตามเหมือนนักการเมืองส่วนใหญ่เขาล่ะกันครับ ก่อนเป็นสส.มือไม้นี่อ่อนปวกเปียกไปหมด ขนาดใบไม้ร่วงยังยกไหว้เฉยเลย แต่พอได้เป็นสส.ใส่สูทโก้หรูแล้วนี่พฤติกรรมกลับตาลปัตรเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าซะอย่างงั้น…สิงห์ตะวันเพลิง ขอเอาใจช่วย 2 ผู้ยิ่งใหญ่ต่างขั้วอำนาจล่ะกันครับกระผม
***ฟาก “ดร.ชุมพล สายเชื้อ” รองนายกสมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ (TTLA)อีกหนึ่ง “กูรู” ด้านการขนส่งเมืองไทย เป็นพหูสูตด้านขนส่งที่คนในวงการให้การยอมรับในความรู้ความสามารถและประสบการณ์ บวกกับนิสัยใจคอสุขุมนุ่มลึก แม้จะไม่ลงเล่นการเมืองอย่างที่พี่ใหญ่ทั้ง2ท่าน แต่ดร.ชุมพล กลับชื่นชอบสายงานวิชาการ จึงไม่แปลกที่จะเห็นท่านเดินสายบรรยายตามเวทีสัมมนาเป็นว่าเล่น และงานใหญ่ขาดท่านไม่ได้เช่นกันก็คือเป็นคณะกรรมการพิจารณารางวัล ELMA !
***สิงห์ตะวันเพลิง เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบอุปนิสัยใจคอดร.ชุมพล เป็นการส่วนตัว ไม่ได้ยกยอปอปั้นหรืออวยจนเกินงามอะไร นี่แหล่ะคือทรัพยากรบุคคลภาคขนส่งตัวจริงของจริงไม่อิงนิยามน้ำเน่า เป็นทองแท้ที่ไม่กลัวไฟ แต่ก็อย่างว่าคนดีๆมักถูกรังแกและมักมีมารมาผจญให้ปวดกบาลอยู่เสมอ เป็นการตอกย้ำสังคมเน่าเฟะเสมอว่าคนดี…ชอบแก้ไข คนจัญไร…ชอบแก้ตัว อูย!!!!oops ทำไมจบแบบนี้ล่ะครับ พูดมากไป…เดี๋ยวลั่นครับ!
***ร่ายยาวถึงบรรทัดนี้ ก็ได้เวลาบอกลาสวัสดี เจอกันฉบับหน้าครับ!