ภายในงาน Farnborough International Airshow 2018 สายการบินเวียตเจ็ท ทำสัญญาซื้อเครื่องบินครั้งสำคัญจำนวน 2 ฉบับกับ 2 บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลก ได้แก่ โบอิ้ง และ แอร์บัส โดยสัญญาฉบับแรกสำหรับเครื่องบินโบอิ้งรุ่น B737 MAX จำนวน 100 ลำ โดยมีนางเหวียน ถิ เฟือง เถา ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินเวียตเจ็ท และ นายเควิน แม็คอัลลิสเตอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์โบอิ้ง เป็นผู้แทนลงนาม
สัญญาการซื้อขายเครื่องบินโบอิ้งมูลค่ารวม 12.7 พันล้านดอลลาร์นี้ มีจุดประสงค์เพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาเครือข่ายการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของฝูงบินอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการอัพเกรดบริการให้ทันสมัย และลดการใช้พลังงานตามเป้าหมายภายในปี ค.ศ. 2025 โดยคาดการณ์ว่า ข้อตกลงครั้งนี้จะสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนระหว่างเวียดนามและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องบินโบอิ้งได้อย่างมาก
ต่อด้วยสัญญาฉบับที่ 2 ของเวียตเจ็ทกับบริษัทแอร์บัสในการซื้อขายเครื่องบินรุ่น A321neo เครื่องบินแบบทางเดินเดี่ยวเพิ่มอีกจำนวน 50 ลำ รวมมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมีนายดินห์ เวียต ฟุง รองประธานกรรมการบริหาร สายการบินเวียตเจ็ท และ นายเอริค ชัลซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจเครื่องบินพาณิชย์ แอร์บัส เป็นผู้แทนลงนามในข้อตกลงฉบับนี้ ซึ่งเวียตเจ็ทจะใช้ฝูงบินใหม่นี้ตอบสนองความการพัฒนาและยกระดับประสิทธิภาพและการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น
เวียตเจ็ทและแอร์บัสเคยร่วมมือกันดำเนินงานมาแล้วหลายด้าน ซึ่งครอบคลุมทั้งโครงการด้านความปลอดภัย ด้านเทคนิค และการบริหารการปฏิบัติงาน ปัจจุบัน ศูนย์จำลองการบินแบบครบวงจร Full Flight Simulator ในกรุงโฮจิมิห์ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของเวียตเจ็ทและแอร์บัส อยู่ในระหว่างการก่อสร้างในขั้นสุดท้าย โดยพร้อมเปิดดำเนินการในเดือนตุลาคมปีนี้
ข้อตกลงครั้งล่าสุดนี้ ทำให้รายการสั่งซื้อเครื่องบินในตระกูล A320 ทั้งหมดของเวียตเจ็ทสูงถึง 171 ลำ ประกอบด้วยเครื่องบินแบบ A321neo และ A321ceo กว่า 123 ลำ โดยการส่งมอบจะเริ่มตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงปี ค.ศ. 2025