ทรูยอมถอย เปิดทางเอไอเอส เพลย์บ๊อกซ์ยิงบอลโลกจากฟรีทีวีภาคพื้นได้ หลัง กสทช. ตื่นไล่บี้การดูผ่านกล่อง AIS Play Box ต้องทำได้ เพราะเป็นบริการเพย์ทีวีผ่านกล่องอินเทอร์เน็ต แต่ยังกั๊กดูผ่าน AIS Playบนสมาร์ทโฟน
หลังคอบอลต้องเซ็งเปิดจากการที่ทรูวิชั่นส์ ยื่นฟ้องบริษัท ซุปเปอร์ บอรดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (SBN)ในเครือของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ที่ให้บริการกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์บนโครงข่ายที่ไม่ได้ใช้คลื่นความถี่ เพื่อให้ระงับการแพร่ภาพรายการโทรทัศน์ที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 บนแิพAIS PlayและAIS play Box ที่อ้างว่าละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัท ทั้งที่เป็นการดำเนินการภายใต้ประกาศ กสทช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์”มัสต์ แคร์รี่(Must carry)ที่กำหนดให้ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกที่มีโครงข่ายเป็นของตนเองมีหน้าที่ต้องให้สมาชิกได้รับชมรายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศเป็นการทั่วไป หรือ Free TV ได้โดยตรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ ดัดแปลง ผังรายการ หรือเนื้อหารายการ
ล่าสุด นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)เปิดเผยว่า เมื่อเช้าวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาได้เชิญตัวแทนทรูฯ มาหารือข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว ปรากฏว่า ทรูฯ ยืนยันว่าไม่ได้ห้าม AIS Play Box ซึ่งให้บริการผ่านกล่องอินเทอร์เน็ต ถ่ายบอลโลก แต่สิ่งที่ไปร้องขอต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญานั่น คือ การให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน AIS Play ที่ให้บริการบนสมาร์ทโฟนนั้นไม่สามารถทำได้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนจำนวนมาก จึงขอให้เอไอเอส เปิดให้บริการตามปกติ
เบื่องต้น เอไอเอส ชี้แจงว่า ได้ดำเนินการตามที่ กสทช. มีประกาศเรื่อง กฎ Must Have ได้กำหนดรายการโทรทัศน์ 7 ประเภทที่ต้องออกอากาศผ่านฟรีทีวี ได้แก่ การแข่งขันกีฬาซีเกมส์, เอเชียนเกมส์, กีฬาโอลิมปิก และการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่าทางเอไอเอสนั้นเห็นว่าส่ิงที่ต่อสู้นั้นคือการให้กสทช บังคับใช้หลักเกณฑ์ตามประกาศมัสต์แคร์รี่ และมัสต์แฮบ สำหรับรายการถ่ายทอดสด7ประเภทที่ต้องถ่ายทอดสดทางหนีทีวีอย่างเคร่งครัด ซึ่งผู้รับใบอนุญาตต้องสามารถแพร่ภาพรายการฟรีทีวีภาคพื้น โดยปราศจากข้อจำกัดในทุกแพลตฟอร์ม บนบริบทเดียวกับที่ทรูวิชั่นส์ และกสทช.ดำเนินการกรณีถ่ายทอดวอลเลย์บอลเนชั่นส์ ลีก 2018