กลายเป็นแบรนด์ที่ถูกกล่าวขานเป็นวงกว้างในท้องตลาดในเวลานี้สำหรับ “เดอะฟินิกซ์ 999”ภายใต้โลโก้สินค้า “TPX”แบรนด์น้องใหม่ไฟแรงจากเมืองปากน้ำโพ หลังตะบันวงล้อธุรกิจต่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์เมืองไทยได้ไม่นานนักกับยอดขายพุ่งทะยานแตะระดับ 200 พ่วงในขวบปีที่ 3 ถือเป็นการเติบโตที่ไม่ธรรมดา
วันก่อน ปิศาจขนส่ง มีโอกาสได้ไปร่วมเยี่ยมชมโรงงานเดอะฟีนิกซ์ 999 ที่นครสวรรค์ โดยมี “คุณโอม–ภูเบศ อัครวัฒนาภร” หรือที่รู้จักกันในนาม “เสี่ยโอม”รองประธานบริหาร บริษัท เดอะฟินิกซ์ 999 แอสเซมบลี จำกัด ให้เกียรติต้อนรับขับสู่อย่างเป็นกันเองและอบอุ่น
โดยคุณโอมได้พาคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมออฟฟิศที่ออกแบบด้วยสไตล์ที่สะท้อนถึงความตัวตนและถ่ายทอดถึงความเป็นมาของเดอะฟีนิกซ์ฯได้อย่างน่าทึ่ง พร้อมเปิดโรงงานให้สื่อฯได้ส่องทุกซอกมุมกระบวนการผลิต และโชว์คมคิดและทิศทางการดำเนินธุรกิจกับบทบาทหน้าที่ผู้กุมบังเหียนกระบวนการผลิตในโรงงานไว้อย่างน่าสนใจ
ปลื้มไตรมาสแรกยอดขายพุ่ง 300 พ่วง
เบื้องต้นของการตีวงล้อมคุยคุ้ยข่าว คุณโอม-ภูเบศ ได้ฉายภาพการขยายไลน์ธุรกิจต่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ว่าตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเป็นปีแรกของการขยายไลน์ธุรกิจต่อกระบะรถเพื่อการพาณิชย์ เราต่อได้แค่พ่วงเดียวเท่านั้น พอถึงปีที่สองขยับดีขึ้นหน่อยอีก 50 พ่วง พอปีที่สามนี่พีคสุดเพราะยอดขายพุ่งถึง 200 พ่วง ถือว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด เป็นการขยายตัวเกิน 100 % ทุกปี พอย่างเข้าปีที่ 4 ก็คือปี 61 นี้เพียงไตรมาสแรกก็มียอดขายมาแล้ว 300 พ่วง คาดทั้งปีจะปิดยอดขายรวมได้กว่า 500 พ่วง
“กว่าจะมีวันนี้ได้นั้น อย่างแรกเลยเรามีฐานลูกค้าเดิมจากงานเหล็กของโรงงานหล่อเหล็กและกลึงชิ้นส่วนงานโลหะอุตสาหกรรมให้แก่โรงงานต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานธุรกิจครอบครัวที่สั่งสมตั้งแต่รุ่นคุณพ่อมากว่า 60 ปี ดังนั้น ประสบการณ์และชื่อเสียงด้านงานเหล็กเราก็ไม่เป็นสองรองใคร ประกอบกับทีมงานของเราทั้งส่วนของการผลิตที่ได้ทีมงานมีประสบการณ์ ที่ผลิตทุกโปรดักส์ตามความต้องการของลูกค้าโดยมีหัวหน้าช่างมากประสบการณ์ควบคุมคุณภาพในทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและคำนวณโครงสร้างทางวิศวกรรมไปจนถึงการส่งมอบให้กับลูกค้า ผนวกกับทีมขายที่แข่งแกร่งและเปี่ยมด้วยประสบการณ์”
เดอะฟินิกซ์ 999 ขาย…. “ความแตกต่าง”
นอกจากนี้ คุณภูเบศ กล่าวอีกว่าทุกอู่ที่ต่อรถพ่วงทุกชนิดก็จะเน้นความรวดเร็วและความแข็งแกร่งทนทานต่อการใช้งานเหมือนกันอยู่แล้ว เดอะฟีนิกซ์ฯเองก็ไม่ต่างกันที่ใส่ใจด้านอุปกรณ์ อะไหล่ทุกชิ้นให้ได้คุณภาพเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้าโดยตรงภายใต้กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ISO 9001 :2015
“เหนือไปกว่านั้น เดอะฟีนิกซ์ฯยังเติมเต็มด้วยความสวยงามของเส้นสายลายสีอันเป็นเสน่ห์และความเป็นคลาสสิคบนตัวรถ โดยเรามีทีมงานมืออาชีพพร้อมที่จะรังสรรค์ลวดลายให้เป็นสีสันและศิลปะอันโดดเด่นประดับบนตัวรถของลูกค้า โดยมีแบบลวดลายให้ลูกค้าได้เลือกมากมายหลายแบบ หรือหากลูกค้าชื่นชอบลายใดในใจเป็นพิเศษ เดอะฟีนิกซ์ฯก็สามารถจัดให้ตามความต้องการลูกค้าได้เสมอ ซึ่งการเน้นลวดลายนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ที่เราขายความแตกต่างจากรายอื่นๆ และมีส่วนสำคัญอย่างมากให้เราเป็นที่รู้จักและเติบโตแบบก้าวกระโดนในวันนี้”
วางแผนนำ Robot ลงไลน์ผลิตปี 62
เมื่อถูกยิงคำถามถึงการเตรียมแผนการรองรับออเดอร์ไหลทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่องนั้น คุณภูเบศ สะท้อนคมคิดว่า ทางเราก็ต้องวางแผนรองรับการเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง ในส่วนของพื้นที่โรงงานในปัจจุบันประมาณ 80 ไร่ เราคงไม่ได้ขยายให้มากกว่านี้ ส่วนที่เราจะขยายก็คือโกดังสินค้า รวมถึงการบริหารจัดการไลน์การผลิตให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น ขณะที่ทีมงานก็มีพร้อมและเพียงพอต่อการผลิต
“กำลังการผลิตต่อเดือน ณ ตอนนี้ เราสามารถต่อได้ 20 พ่วงต่อเดือน ภายใต้ทีมงานการผลิตที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน 17 ชุด โดยปกติตามกรอบเวลาการส่งมอบรถหลังสั่งซื้อจะใช้เวลาการต่อประมาณ 45 วัน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับคิวการสั่งซื้อหากมีคิวเยอะก็อาจมีเลื่อนกรอบเวลาออกไปบ้าง และที่สำคัญไม่เกินปีหน้า เพื่อสอดรับการยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น เราวางแผนจะนำ Robot ลงช่วยสนับสนุนการผลิต เพราะสามารถตอบโจทย์การผลิตชิ้นงานที่เร็วกว่าแรงงานคน เป็นแรงหนุนให้กระบวนการผลิตรวดเร็วมากยิ่งขึ้น”
อย่างไรก็ดี คุณภูเบศ สรุปปิดท้ายว่าเดอะฟีนิกซ์ฯมีเป้าหมายเป็นหนึ่งในผู้นำของตลาดการต่อรถพ่วงที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน พร้อมด้วยบริการหลังการขายที่สะดวกรวดเร็ว กรุยทางสู่ความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมต่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ครบวงจร มุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆและกลยุทธ์การตลาดยุคดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนสู่ความเติบโตอย่างมั่นคง
แม้จะเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่วัย 32 กะรัต แต่มุมมองและคมเหลี่ยมความคิดบอกได้เลยว่า “ไม่ธรรมดา”อีกทั้งยังมีหัวการค้าอย่างชาญฉลาดเต็มเปี่ยม ไม่หยุดนิ่งการพัฒนาตัวเองและองค์กรด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมรีดพลังศิลปะที่พรั่งพรูในจิตวิญญาณแล้วรังสรรค์เป็น “มรดกสินค้า” ให้ลูกค้าได้ตราตรึงใจมิรู้ลืม
…นี่แหล่ะ “เสี่ยโอม-ภูเบศ ภูเบศ อัครวัฒนาภร”