หนุนทหารเช็คบิลนายทุนเงินกู้-ลิสซิ่งนอกระบบ หลังประเดิมทลายนายทุนรับจำนอง-ขายฝากบ้าน-ที่ดินในเมืองอุดรธานีรีดดอกเบี้ยเกินอัตรา ชี้ยังมีผู้ประกอบการลิสซิ่ง-จำนำทะเบียนรถอีกจำนวนมากที่ยังไม่ยี่หระขูดรีดดอกเบี้ย-ค่าธรรมเนียมลูกหนี้ตามรอยนายทุนเงินกู้นอกระบบ
แหล่งข่าวจากกลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ลูกหนี้ เปิดเผยถึงกรณี เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 24 จังหวัดอุดรธานีได้สนธิกำลังเข้าปฏิบัติการตรวจค้นและยึดเอกสารการปล่อยกู้ของเสี่ยใหญ่ในจังหวัดอุดรธานีที่ทำธุรกิจจำนำ-ขายฝากบ้านและที่ดินเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่ทหารจะได้ออกหน้าเสื่อเข้ามาทลายขบวนการขูดรีดดอกเบี้ยเอาเปรียบประชาชน หลังจากที่ผ่านมายังไม่มีหน่วยงานใดยื่นมือเข้ามาดำเนินการอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตามปฏิบัติการกวาดล้างนายทุนเงินกู้นอกระบบดังกล่าว ก็หาได้ทำให้บรรดาลิสซิ่งและนอนแบงก์รายอื่นๆ สะทกสะท้าน แถมบางรายยังออกตัวว่าธุรกิจที่ตนเองทำอยู่ถูกกฎหมายเพราะไม่ใช่ให้บริการเช่าซื้อหรือลิสซิ่ง แต่เป็นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ที่มีสิทธิ์เรียกดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุดถึง15% ไม่รวมค่าธรรมเนียมเบิกเงินกู้ 7-8 % ทั้งที่สัญญาที่บริษัทกระทำไว้กับลูกหนี้นั้นไม่ได้ความแตกต่างไปจากสัญญาที่เสี่ยเงินกู้นอกระบบเหล่านี้ทำไว้กับลูกหนี้แม้แต่น้อย
ที่บริษัทอ้างว่าตนเองทำถูกกฎหมายเพราะเป็นการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันนั้น หากเป็นสินเชื่อที่บริษัทอ้างถึงไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ(P Loan) หรือสินเชื่อรายย่อยเพื่อประกอบวิชาชีพ(นาโน ไฟแนนซ์) ที่รัฐเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมได้สูงถึง 28-36% ได้นั้นข้อเท็จจริงจะต้องเป็นสินเชื่อไร้หลักประกัน(Clean loan)เท่านั้น หาใช่สินเชื่อที่จะเรียกเอาหลักประกันจากลูกหนี้ได้ เพราะหากจัดทำเป็นสัญญาเงินกู้บังคับหลักประกันเอาจากลูกหนี้ จะคิดดอกเบี้ยสูงสุดได้ไม่เกิน15% เท่านั้น
ทั้งนี้ แหล่งข่าวเผยว่าหลัง กลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ลูกหนี้ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และศูนย์ดำรงธรรมเมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบพฤติกรรมการปล่อยกู้ของลิสซิ่งและนอนแบงก์นอกลู่เหล่านี้ ก็ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในกลุ่มผู้ให้บริการิสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โดยบริษัท เงินติดล้อ จำกัด ธุรกิจนอนแบงก์ในเครือแบงก์กรุงศรีอยุธยาได้ประกาศปรับลดดอกเบี้ยจำนำทะเบียนรถทุกชนิดเหลืออยู่แค่ 0.68% ต่อเดือน โดยไม่มีการคิดค่าธรรมเนียมใดๆเพิ่มเติม ขณะที่บริษัทลิสซิ่งที่อ้างว่าเป็นผู้นำสินเชื่อจำนำทะเบียนรถรายใหญ่สุดของประเทศยังคงไม่สะท้านกับการที่หน่วยงานภาครัฐจะล้วงลูกเข้ามาตรวจสอบธุรกิจทำนาบนหลังคน เหล่านี้ จึงน่าที่นายกฯจะได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารหรือกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย(กอ.รส.)ในพื้นที่ต่างๆ ได้ลงไปตรวจสอบเช่นเดียวกับเสี่ยเงินกู้ข้างต้น”
แหล่งข่าวยังกล่าวถึงการตรวจสอบทุจริตโกงเงินคนจน ที่ลามเลียไปครึ่งค่อนประเทศถึง 53 จังหวัดไม่เว้นแม้กระทั่งงบช่วยชาวเขานั้น ว่า มหกรรมการทุจริตโกงเงินช่วยเหลือคนจนข้างต้น ยังเทียบไม่ได้กับที่ประชาชนในระดับรากหญ้าที่กำลังถูกบรรดาธุรกิจลิสซิ่งเช่าซื้อ และธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(นอนแบงก์) ที่ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ร่วมกันขูดรีดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ อยู่ในปัจจุบัน ซ่ึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่ลูกหนี้แต่ละรายถูกเรียกเก็บจะมีจำนวนไม่สูงนัก แต่จำนวนผู้เสียหายที่ต้องตกเป็นเหยื่อที่มีจำนวนนับแสนรายหรือนับล้านรายนั้น ทำให้เม็ดเงินที่ผู้คนในระดับรากหญ้าถูกธุรกิจเหล่านี้สูบเลือดสูบเนื้อไป สูงนับหมื่นล้านบาท ซึ่งมากกว่าการทุจริตโกงเงินคนจนไม่รู้กี่ร้อยเท่า
“เอาแค่เครือข่ายปล่อยกู้ของเสี่ยวิชัย ปั้นงาม เจ้าพ่อเงินกู้นอกระบบที่จังหวัดปทุมธานีรายเดียวที่ถูกดีเอสไอและป.ป.ง.ไล่เบี้ยยึดทรัพย์ไปเดือนก่อนก็มีมูลค่ามากกว่า 4,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว มีประชาชนตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศนับหมื่นราย หากรวมรายอื่นๆ ด้วยคาดว่าจะมีประชาชนที่ต้องตกเป็นเหยื่อนับเป็นล้านรายอย่างแน่นอน แต่ที่ผ่านมายังไม่มีหน่วยงานใดยื่นมือเข้ามาปกป้องคุ้มครองประชาชนในเรื่องเหล่านี้ โดยในส่วนของกระทรวงการคลังนั้น อ้างแต่เพียงว่าอยู่ระหว่างยกร่างกฎหมายคุมธุรกิจนอนแบงก์ที่ให้บริการสินเชื่อเหล่านี้ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จบังคับใช้ปลายปีนี้ ทั้งที่หากหน่วยงานรัฐจะบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเข้มงวด ก็ไม่จำเป็นต้องยกร่างกฎหมายใดๆ ขึ้นมาอีก”