“ทิสโก้-สวัสดิ์” สอนมวยลิสซิ่ง-นอนแบงก์นอกลู่! โชว์สัญญามาตรฐานถูก กม. ยอมจ่ายแวต

0
241

ทิสโก้-สวัสด์” สอนมวยลิสซิ่ง-นอนแบงก์นอกลู่ โชว์สัญญาเช่าซื้อมาตรฐานที่ถูกกฎหมาย ยอมจ่ายแวตเข้ารัฐ วงการมึนลิสซิ่งยักษ์เมืองไทยอ้างปล่อยกู้บังคับหลักประกันลูกหนี้ แต่กลับโขกดอก 15% รีดค่าธรรมเนียมอีก 8% ทั้งที่ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราห้ามคิดเกิน 15%

หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกโรงเตือนไปยังผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ให้ดูแลการเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าบริการทางการเงินอย่างเหมาะสม และเป็นธรรมเพื่อให้เป็นไปตามประกาศ ธปท. นั้น

แหล่งข่าวในวงการธุรกิจเช่าซื้อ เปิดเผยว่า หากพิจารณาบรรดาธุรกิจจำนำทะเบียนรถที่ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) ทำกับลูกหนี้โดยส่วนใหญ่ที่อ้างว่า จำนำทะเบียนนั้นล้วนทำเป็นสัญญาเงินกู้ยืม ที่บังคับเอาหลักประกันกับลูกหนี้ทั้งสิ้น มีเพียงบางบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเช่าซื้ออย่างตรงไปตรงมา อย่าง บริษัท ไฮเวย์ จำกัด บริษัทศรีสวัดิ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการสินเชื่อ “เงินด่วนทันใจ” และบริษัท ทิสโก้ ลิสซิ่ง ในเครือธนาคารทิสโก้ ที่มีการทำสัญญาเช่าซื้อถูกกฎหมายตามสัญญามาตรฐานที่คณะกรรมการว่าด้วยสัญญากำหนด มีการจำแนกเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และกำหนดตารางผ่อนชำระค่างวดอย่างชัดเจน ทั้งยังยอมจ่ายภาษีแวต 7% เข้ารัฐ

ขณะที่บริษัทลิสซิ่งรายอื่นๆ รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจ เงินด่วน เงินติดล้อ สินเชื่อรถรายอื่นๆ ต่างหันไปทำเป็นสัญญาเงินกู้แบบมีหลักประกัน ที่กำหนดให้ลูกหนี้นำเอารถหรือจักรยานยนต์ มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันทั้งสิ้น บางรายบังคับปล่อยกู้ระยะสั้นเพียง 3-4 เดือน ทำให้มีโอกาสที่จะตามไปยึดทรัพย์ลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้เพื่อนำมาขายทอดตลาดฟันกำไรอีกต่อได้ทันที

แหล่งข่าวเผยว่า ที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง และ ธปท. ไม่เคยลงไปตรวจสอบเลยว่า ธุรกิจเหล่านี้ต่างอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย เป็นใบเบิกทาง ทำสัญญาเอาเปรียบลูกหนี้ เพราะธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล (P loan) และสินเชื่อรายย่อยภายใต้การกำกับ (นาโนไฟแนนซ์) ที่รัฐเปิดทางให้ผู้ประกอบการคิดดอกเบี้ยได้สูงกว่าที่กฎหมายกำหนดถึง 28-36% นั้น ด้วยเห็นว่าสินเชื่อเหล่านี้มีความเสี่ยงสูง แต่สินเชื่อดังกล่าวต้องเป็นสินเชื่อแบบไร้หลักประกัน (Clean loan) เท่านั้น แต่ธุรกิจจำนำทะเบียนรถส่วนมากอาศัยดังกล่าวเป็นช่องทางหลบ vat โดยทำสัญญาเงินกู้ยืมแทนสัญญาเช่าซื้อ และคิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด 15%

ส่วนกรณีที่ผู้บริหารลิสซิ่งรายใหญ่ของเมืองไทยออกโรงแถลงข่าวยืนยันว่า บริษัทไม่ได้ดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถ แต่เป็นการให้บริการสินเชื่อแบบมีหลักประกัน โดยยืนยันอัตราดอกเบี้ยที่คิดกับลูกค้า 15% และค่าธรรมเนียมสูงสุดไม่เกิน 8% นั้นถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมประกาศตั้งเป้ารายได้ปีนี้ถึง 80,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 40% นั้น การประกาศยืนยันว่าตนเองทำธุรกิจสินเชื่อแบบมีหลักประกัน ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า บริษัทกำลังทำผิดกฎหมายชัดเจน เพราะการให้บริการสินเชื่อ p loan และนาโนไฟแนนซ์ดังกล่าว ต้องเป็นสินเชื่อไร้หลักประกันไม่ใช่บังคับหลักประกันเอากับลูกหนี้อย่างที่บริษัทอ้าง ยิ่งการให้สินเชื่อรถจำนำทะเบียนรถที่จัดทำเป็นสัญญาเงินกู้ยืมแบบมีหลักประกันหรือบังคับหลักประกันจากลูกหนี้ด้วยแล้ว สัญญาเงินกู้ยืมดังกล่าวถือเป็นสัญญาเงินกู้ปกติ ตาม ปพพ. มาตรา 654 ที่ต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่บัญญัติ ห้ามคิดดอกเบี้ยเกิน 15% ผู้ฝ่าฝืนมีโทษ ทั้งอาญาและแพ่งจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ