Mr.ไก่เนื้อและไก่ไข่ เดินหน้าตามนโยบาย “การแก้ปัญหาสินค้าเกษตรเชิงรุก” ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งแก้ปมราคาไข่ไก่ให้มีเสถียรภาพอย่างยั่งยืนและยกระดับมาตรฐานสินค้าไก่ต่อเนื่อง คลายสงสัยอุตสาหกรรมไก่เนื้อปลอดสารเร่งการเจริญเติบโต ไม่มียาปฏิชีวนะตกค้าง แนะกินไข่ได้ทุกวันเหมะกับคนทุกวัย
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์และโฆษกกรมปศุสัตว์ ในฐานะ “Mr.ไก่เนื้อและไก่ไข่” ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากได้รับมอบหมายจากกรมปศุสัตว์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เป็น 1 ใน 15 Mr.รายสินค้า เพื่อรับผิดชอบการแก้ปัญหาเชิงรุกในสินค้าเกษตร 15 รายการที่เกษตรกรมีส่วนเกี่ยวข้องและมีผลผลิตมาก ขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลนำมาวิเคราะห์สถานการณ์ไก่เนื้อและไก่ไข่ เพื่อเป็นเครื่องมือวางแผนการผลิต และเตือนภัยแก่เกษตรกร โดยได้กำหนดกรอบแนวทางการทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไปจะเร่งประสานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสมาคมผู้เลี้ยง เกษตรกรผู้เลี้ยง ภาคเอกชน เพื่อร่วมกันกำหนดกรอบแนวทางการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดต่อไป
นอกจากการแก้ปัญหาในแง่ของการผลิตและการตลาดเพื่อความยั่งยืนแล้ว Mr.ไก่เนื้อและไก่ไข่ ยังมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าทั้ง 2 ชนิดควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าปศุสัตว์ของไทยที่มีความปลอดภัยได้มาตรฐานสากล โดยเฉพาะเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ในภาคอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ ที่ปลอดภัย ปลอดสาร ไม่มีการใช้ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ไม่มียาปฏิชีวนะตกค้าง ทำให้เนื้อไก่ของไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากบราซิล สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรปตามลำดับ โดยมีประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญคือ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป
“ที่ผ่านมายังมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการรับประทานเนื้อไก่ถูกกล่าวหาว่ามีฮอร์โมนเร่งโต ทำให้ผู้บริโภคเสียโอกาสที่จะได้รับอาหารโปรตีนคุณภาพดีและมีมาตรฐานระดับโลก ขอย้ำว่าในกระบวนการผลิตไก่เนื้อในอุตสาหกรรม ไม่มีการใช้สารเร่งการเจริญเติบโตอย่างเด็ดขาด เพราะผิดกฎหมายและผิดข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า ที่สำคัญการเลี้ยงไก่ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งสายพันธุ์ไก่จากการปรับปรุงพันธุ์ตามธรรมชาติ อาหารสัตว์มีการค้นคว้าวิจัยจนได้สูตรอาหารที่เหมาะสม การเลี้ยงที่มีมาตรฐาน และการปัองกันโรคที่เข้มงวด” นายสัตวแพทย์ สมชวน กล่าวและว่า
กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยในอาหารของผู้บริโภคมาโดยตลอด ด้วยการมอบหมายให้สัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์ม ทำหน้าที่ดูแลการใช้ยาของเกษตรกรและผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด เน้นการเฝ้าระวังและสุ่มตรวจฮอร์โมนและสารตกค้างในเนื้อสัตว์ปีกเป็นประจำ โดยเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ท้องที่ต้องอนุญาตก่อนที่จะมีการนำไก่เข้ากระบวนการแปรรูป และจากรายงานของสำนักตรวจสอบคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ ในช่วงปี 2553–2560 ที่มีการสุ่มตัวอย่างสัตว์ปีก 2,543 ตัวอย่าง ไม่เคยพบฮอร์โมนตกค้างแม้แต่ตัวอย่างเดียว ที่สำคัญไทยยังได้รับข่าวดีจากสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากหน่วยงาน CNCA ได้ประกาศรับรองโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้แช่แข็งสัตว์ปีกของไทยเป็นครั้งแรก จำนวน 7 โรงงาน ช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑเนื้อไก่ของไทย
นายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวถึงการเร่งแก้ปัญหาไก่ไข่ว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือเอ้กบอร์ด (Egg Board) มีมติให้ทุกบริษัทลดการนำเข้าปู่ย่าและพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ในปี 2561 ตามสัดส่วนให้เหลือปู่ย่าพันธุ์(GP)ปีละ 5,500 ตัว พ่อแม่พันธุ์(PS)ปีละ 550,000 ตัว พร้อมกับให้เกษตรกรและสมาคมฯ เร่งปลดแม่ไก่ไข่ยืนกรงเพื่อลดจำนวนแม่ไก่ยืนกรง ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายได้เร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังดำเนินการสนับสนุนกิจกรรมของคณะกรรมโครงการรณรงค์บริโภคไข่ไก่ 300 ฟอง เพื่อให้พี่น้องชาวไทยมีความรู้เกี่ยวกับการบริโภคไข่ไก่ที่เป็นสุดยอดแหล่งโปรตีนสำคัญที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน เหมาะสมกับคนทุกช่วงวัย และมีราคาไม่แพง
“การแก้ปัญหาเชิงรุกที่ทีมงานกำลังเร่งดำเนินการนี้ นอกจากการแก้ปัญหาในระยะสั้นเพื่อลดผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำแล้ว ยังบูรณาการการทำงานทั้งระบบ ด้วยการจัดระบบฐานข้อมูลทุกขั้นตอน ตลอดสายการผลิตจนถึงการตลาด พร้อมทั้งนำกฏหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องมาควบคุมกำกับดูแล เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว เป็นรูปธรรม และยั่งยืนอย่างแท้จริง” นายสัตวแพทย์ สมชวน กล่าวทิ้งท้าย