ภายใต้ยุทธภูมิตลาดรถใหญ่เมืองไทยมีค่ายรถใหญ่หลายสายพันธุ์เปิดศึก “กลยุทธ์การตลาด”ห้ำหั่นสนั่นวงล้อธุรกิจขนส่งเมืองไทย ทั้งจากดินแดนซามูไร จีนแผ่นดินใหญ่ และฟากฝั่งอันไกลโพ้นอย่างดินแดนยุโรป โดยมีเค้กก้อนโตให้แต่ละค่ายช่วงชิงสัดส่วนการตลาดในแต่ละปี
ค่ายรถใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธความยิ่งใหญ่ 2 ค่ายมหาอำนาจอย่าง “อีซูซุและฮีโน่” ที่เร่งแรงม้าไล่ล่าความเป็น“พี่ใหญ่-พี่รอง”ได้อย่างสูสีในแต่ละปี นอกนั้นเป็นคิวสอดแทรกของค่ายน้องเล็กอย่าง“ยูดีทรัคส์และฟูโซ่” ได้ไล่บี้กันสุดลิ่ม ส่วนรถใหญ่จากแดนมังกรแม้จะมีหลากหลายค่ายเปิดศึกช่วงชิงความเป็น “เบอร์หนึ่ง” แบรนด์จีนก็ตาม แต่ก็ยังดูไม่เปรี้ยงปร้างและร้อนแรงเท่าไหร่นัก
ฟากฝั่งรถใหญ่สายพันธุ์ยุโรปที่ปัจจุบันมีหลากหลายค่ายเปิดศึกชิงสัดส่วนการตลาดในแต่ละปีได้อย่างสนุก แม้ยอดขายตลาดรถยุโรปในแต่ละปีจะไต่ระดับอยู่ที่พันคันต้นๆไม่ได้มียอดถล่มถลายเหมือนรถญี่ปุ่นที่พุ่งสูงกว่า 2 หมื่นคันในแต่ละปี แต่ด้วยความเป็นแบรนด์ยุโรปที่มีราคาค่างวดสูงถูกยกให้เป็นรถใหญ่ในตลาดพรีเมี่ยม บวกกับมีผู้เล่นหลายรายในตลาดก็ยิ่งเพิ่มอัตราการแข่งขันทวีความดุเดือดขึ้นทุกปี
ทันทีที่ปีไก่ได้โบกมือลาและถูกแทนที่ด้วยปีศักราชใหม่ 2561 Logistics Time ขอแหวกม่านฟ้าปีจอประมวลการเปิดศึกกลยุทธ์การตลาดของค่ายรถใหญ่ยุโรปผ่านมุมมองของ 4 ผู้บริหารจาก 4 ค่ายรถใหญ่สายพันธุ์ยุโรป ดังนี้
วอลโว่ทรัคส์ พร้อมพุ่งชนทุกความสำเร็จ
ประเดิมด้วยค่ายวอลโว่ ทรัคส์ ค่ายยักษ์ใหญ่จากสวีเดนที่ครองเป็นเบอร์หนึ่งตลาดรถใหญ่สายพันธุ์ยุโรปมาต่อเนื่อง โดยคุณกำลาภ ศิริกิตติวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถบรรทุกพรีเมี่ยมสายพันธุ์แกร่งจากสวีเดน “วอลโว่ ทรัคส์” เปิดเผยว่าเมื่อปีที่แล้วเรามั่นใจว่าตลาดรถใหญ่จะได้รับอานิสงส์จากการกระตุ้นทางภาครัฐ และเชื่อมั่นจะยังคงเติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่สองจากปีที่แล้วหลังจากตลาดหดตัวต่อเนื่องถึง 2 ปี คาดโตเพิ่มขึ้น 5-6 % แต่สุดท้ายแล้วตลาดรถใหญ่ทั้งปี 2560 กลับไม่สดใสอย่างที่คาดคิด
“ครึ่งปีแรกปีที่แล้วตลาดรถใหญ่หดตัวลง 12 % อีก 2 ไตรมาสสุดท้ายเรายังคงลุ้นยังปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโตของตลาด ทั้งการประกาศขยายมาตรการลดหย่อนภาษี 1.5 เท่าของมูลค่าการลงทุนในยานพาหนะเพื่อการขนส่งจนถึงสิ้นปี การเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล การเร่งดำเนินโครงการ EEC การส่งออกของปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น รวมทั้งการปรับตัวดีขึ้นของภาคการเกษตรและการส่งออก แต่สุดท้ายปัจจัยเหล่านี้ก็ไม่เป็นไปตามแผนเท่าที่ควรจะเป็น ทำให้ตลาดรถบรรทุกทั้งปีหดตัวลง”
ประเด็นการขยายศูนย์บริการเพิ่มเติมหรือไม่นั้น นายกำลาภ ระบุว่าที่มีอยู่ปัจจุบันก็เพียงพอแล้ว ส่วนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดภายในปีนี้นั้น ที่ผ่านมาวอลโว่ กรุ๊ป ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้กำลังพิจารณาการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาด
“ปีที่แล้วเราทำงานหนักและพยายามขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดให้ดีที่สุด เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่เกิดขึ้น ปีนี้ก็ยิ่งทำงานหนักต่อเนื่อง ขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดในทุกมิติอย่างชาญฉลาด ติดปีกกิจกรรมส่งเสริมการขายด้วย “การตลาดดิจิทัล”เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รุกวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด คู่ขนานกับการลงทุน“พัฒนาบุคลากร”เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บและเติมเต็มศักยภาพทางการแข่งขัน ที่หลอมรวมเป็นความแข็งแกร่งพร้อมพุ่งชนทุกความสำเร็จในอนาคต”
สแกนเนีย ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โตกว่า 30 %
ขณะที่ค่ายสแกนเนีย อีกหนึ่งค่ายยักษ์ใหญ่จากสวีเดน โดยมร.สเตฟาน ดอร์สกี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ภายใต้แบรนด์ “สแกนเนีย” เปิดเผยว่าเมื่อปี 2559 สแกนเนีย โชว์สถิติใหม่ยอดขายรถบรรทุกจำนวน 424 คัน ถือเป็นปีที่ดีที่สุดของสแกนเนีย แต่พอถึงปีที่แล้วก็เป็นที่น่ายินดีต่อเนื่องเช่นกัน เพราะเรามียอดขายที่โตขึ้นจากที่ 2559 ในเวลาเดียวกันกว่า 20 % ซึ่งทั้งปีจะทำยอดขายรวมได้กว่า 500 คันตามเป้า ส่วนปีนี้เราตั้งเป้าไว้กว่า 600 คัน และเมื่อเป็นไปตามเป้าก็จะทำให้สแกนเนียเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 30 %
“หลังจากสแกนเนีย ได้แจ้งข่าวดีเมื่อช่วงต้นปีที่แล้วกับการลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถบรรทุก หัวเก๋ง และแชสซีส์รถโดยสารแห่งใหม่ในประเทศไทยด้วยงบ 800 ล้านบาท เป็นการสะท้อนว่าไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญและเป็นศูนย์กลางของทั้งอุตสาหกรรม การค้า และการขนส่งของอาเซียน มีอุตสาหกรรมยานยนต์แข็งแกร่ง ทำให้สแกนเนีย มีความใกล้ชิดกับลูกค้าในภูมิภาคอาเซียน เอเชีย และโอเชียเนียเพิ่มขึ้น คาดแล้วเสร็จต้นปี 62”
นอกจากนี้ มร.สเตฟาน ระบุอีกว่าอีกหนึ่งข่าวดีก็คือว่าหลังจากที่ยุโรปมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่แล้วประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำตลาด และเราก็จะนำรถรุ่นนี้เข้ามาทำตลาดในไทยเร็วๆนี้ ส่วนกลยุทธ์ด้านการบำรุงรักษาที่จะเกิดขึ้นในปีนี้นั้น เป็นระบบหนึ่งที่เรียกกว่า Flexible Maintenance Plans เป็นระบบที่สื่อสารกับรถว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องมาเข้าสู่การบำรุงรักษาโดยไม่จำเป็นต้องกำหนดตายตัวว่าถึงระยะ 45,000 กม.เหมือนกับระบบที่ใช้ในปัจจุบัน มันอาจจะไม่ใช่ระยะ 45,000 กม.ก็ได้ มันอาจจะบอกว่าต้องมาทำเมื่อถึง 30,000 กม.หรือ 60,000 กม.ก็ได้ และทำในบางรายการที่มันต้องทำโดยไม่จำเป็นต้องทำทุกรายการ เพราะรถแต่คันมีการใช้งานไม่เหมือกัน ทำให้การบำรุงรักษาไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน
สแกนเนีย เบียดคู่แข่งเข้าเส้นชัย “แชมป์รถใหญ่ยุโรปปีไก่”
อย่างไรก็ดี สำหรับการต่อสู้การตลาดระหว่าง 2 ค่ายมหาอำนาจรถใหญ่สัญชาติสวีเดนนี้ ผู้สื่อข่าวสายรถใหญ่ เปิดเผยว่าแม้ค่ายวอลโว่ทรัคส์กับสแกนเนียจะเป็นไล่บี้ความเป็นเบอร์หนึ่งในเมืองไทยอย่างสนุกคู่คี่สูสี แต่สุดท้ายค่ายวอลโว่ทรัคส์ก็เบียดเข้าเส้นชัยมาตลอด แต่ปีที่แล้วหลังผ่าน 10 เดือนยอดขายวอลโว่ ทรัคส์ (เฉพาะรถบรรทุก)อยู่ที่ 304 คัน ขณะที่สแกนเนียอยู่ 403 คัน มีความเป็นได้สูงมากที่ค่ายสแกนเนีย จะเบียดคู่แข่งข้างบ้านอย่างวอลโว่ทรัคส์เข้าเส้นชัยในฐานะแชมป์รถใหญ่ยุโรปปีไก่ไปครอง เพราะเหลือเวลาอีก 2 เดือนก็ยากมากที่จะวอลโว่จะป้ำยอดขายมากกว่า 100 คันแซงหน้าสแกนเนียได้ เพราะยอดขายเฉลี่ยของทั้ง 2 ค่ายมียอดขายไม่เกิน 40 คัน/เดือน
“สแกนเนีย เป็นลูกไล่กับค่ายยุโรปสัญชาติเดียวกันอย่างวอลโว่ทร้คส์มาโดยตลอด แต่ประจักษ์พยานวัดด้วยยอดขายสแกเนียพุ่งทะยานในเวลานี้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าสแกนเนีย น่าจะเร่งเครื่องควบแรงม้าพุ่งเข้าเส้นชัยครองความเป็นเบอร์หนึ่งรถใหญ่สายพันธุ์ยุโรปแบบสบายใจเฉิบเป็นปีแรกเป็นผลสำเร็จ สะท้อนให้เห็นว่า ปีนี้ 2 ค่ายมหาอำนาจรถใหญ่นี้คงสู้กันดุเดือดแน่”
พญาราชสีห์ MAN พร้อมผงาด!
ขณะที่ค่าย MAN (เอ็น.เอ.เอ็น.) อีกหนึ่งค่ายรถใหญ่สายพันธุ์แกร่งสัญชาติเยอรมัน โดยนายธนภัทร อินทวิพันธุ์ กรรมการบริหาร MAN Commercial Vehicle (Thailand) หรือ MCVT เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งให้กุมการบริหารแบรนด์ MAN เต็มตัวเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ก็เร่งเครื่องกลยุทธ์การตลาดในทุกๆด้าน ตั้งเป้าไว้ที่ 100 คันก็น่าจะเป็นยอดที่ดูเหมาะกับเวลาที่เหลือ เรามั่นใจว่าทั้งปีจะปิดยอดขายได้อยู่ที่ 70 คัน ซึ่งก็เป็นระดับยอดขายที่น่าพอใจ ส่วนปีนี้เราตั้งเป้าไว้ที่ 120 คัน แบ่งเป็นหัวลาก 60-70 คันและบัส 60-40 คัน
“ปัจจุบัน MAN ถือเป็นแบรนด์อันดับ 3 ของค่ายรถยุโรป รถแบรนด์ยุโรปในปีหนึ่งๆ ขายได้ราวๆ 1 พันคันต้นๆ เราทำได้ 60-70 คัน มาร์เก็ตแชร์เราได้ถึง 6 -7% หากปีนี้เราได้ 100 คัน ก็เท่ากับว่ามาร์เก็ตแชร์เราเพิ่มเป็น 10% เราจะดันทั้งรถหัวลากและรถบัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถบัส รุ่น R40 ขนาด 13.80 เมตร เป็นรถที่เหมาะสำหรับ การวิ่งระยะยาว เป็นรถที่มีความปลอดภัยสูงสุด ประกอบกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์ของ MAN จึงถือว่ามีความปลอดภัยสูงสุดเป็นอย่างมาก”
นอกจากนี้ นายธนภัทร กล่าวอีกว่าปีนี้จะนำรถดัมพ์เข้าทำตลาดในไทย และจะทำการเปิดตัวรถหัวลากรุ่นใหม่ Special Editions ซึ่งเป็นการไมเนอร์เช้นจ์รถหัวลากรุ่น TGS 33. 400 รุ่นฉลองครบรอบ 100 ปีการดำเนินธุรกิจของ MAN ในเยอรมัน ส่วนการขยายศูนย์บริการและดีลเลอร์ว่าตอนนี้เรามีศูนย์บริการและดีลเลอร์อยู่ 4 แห่ง ซึ่งดีลเลอร์ก็มีรายใหญ่อย่าง K-MAN ที่เปิดให้บริการอย่างครบวงจร อีกทั้งเรายังมีทีซีออโต้ฮับอีก 3 แห่ง คือโคราช ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ เราต้องเร่งขยายศูนย์ฯและดีลเลอร์ให้ครอบคลุมทั่วทุกภาคให้มากที่สุด โดยปีหน้าเราตั้งเป้าไว้ถึง 10 แห่ง
ค่ายรถใหญ่ดาวสามแฉก พร้อมไล่บี้พี่ใหญ่
ฟากฝั่งค่ายรถใหญ่ดาวสามแฉกเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยนายสุรัติ วทานิยปราโมทย์” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย ทรัค จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของรถบรรทุกและรถบัสเมอร์เซเดส-เบนซ์แบบครบวงจรแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่าด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในแวดวงรถบรรทุกกว่า 40 ปี ทำให้เอเชียทรัคได้รับความไว้จากจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) แต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของรถบรรทุกและรถบัสเมอร์เซเดส-เบนซ์แบบครบวงจรแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และเราเชื่อมั่นมากว่ารถบรรทุกเมอร์เซเดส-เบนซ์จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทย
“ด้วยวัฒนธรรมองค์กรของเราที่ยึดถือปฏิบัติตลอดห้วงเวลาทำธุรกิจนี้ โดยมีผู้บริหารรุ่นแรกได้ส่งต่อสู่รุ่นของผม และผมก็ยังหนักแน่นและรักษาวัฒนธรรมองค์กรตลอดมาและตลอดไป นั่นก็คือ “ต้องซื่อสัตย์ต่อลูกค้าและผู้ค้า“เป็นที่ตั้ง หลังได้รับการแต่งตั้งเป็นเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงรายเดียวในไทยปีนี้ก็จะครบ 3 ปีแล้ว โดยมียอดขายดีขึ้นต่อเนื่อง ปีที่แล้วเราปิดยอดขายทั้งปีที่ 120 คัน แบ่งเป็นทรัค50 คันและบัส 70 คัน ส่วนปีนี้ตั้งเป้าอย่างละ 100 คัน”
อย่างไรก็ดี นายสุรัติ กล่าวในตอนท้ายว่าปีนี้เรายังคงมุ่งเน้นการทำตลาดอย่างมืออาชีพ และต้องทำงานหนักต่อเนื่อง โดยจะนำรถรุ่นใหม่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ actros 2644 ที่ยกเพลาหลังได้มาทำตลาดในไทย ขณะที่รถบัสยังเน้นที่มินิบัส 917 ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เราเชื่อมั่นในโปรดักส์ของเราไม่เป็นสองรองใคร เรายังต้องเดินหน้าสร้างเน็ตเวิร์กรองรับการเป็นฮับบริการไปตามหัวเมืองหลักครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของทั่วประเทศให้ได้มากที่สุด
แม้ทั้ง 4 ค่ายจะได้ชื่อว่าเป็นมหาอำนาจรถใหญ่ที่ผู้ใช้ทั่วโลกให้การยอมรับ แต่การเข้ามาทำตลาดชิงความเป็นพี่ใหญ่ในไทยและเป็นที่ยอมรับของผู้ประกอบขนส่งในไทยได้ ก็ต้องอาศัยระยะเวลา ฐานลูกค้า และความเชื่อมั่นเป็นองค์ประกอบที่เป็นดัชนีชี้วัดความเป็นมหาอำนาจรถใหญ่ยุโรปในไทย
ถึงตอนนี้ตำแหน่งเบอร์หนึ่งในไทยคงต้องยกให้ 2 ค่าย ระหว่างวอลโว่และสแกนเนีย ที่ต้องไล่บี้ชิงความเป็นพี่ใหญ่ในไทยอย่างสูสี ส่วนค่าย MAN และค่ายดาวสามแฉกเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะเป็นอีกคู่แข่งที่น่าจับตาและพร้อมเร่งเครื่องไล่บี้พี่ใหญ่ทั้ง 2 ค่ายก่อนหน้านี้ได้อย่างสนุกดุเดือด