น้ำมันหล่อลื่นเชลล์ประสบความสำเร็จในการครองตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นระดับโลกเป็นทศวรรษที่สอง จากรายงานการวิเคราะห์และการประเมินตลาดในอุตสาหกรรมน้ำมันหล่อลื่นทั่วโลก ระหว่างปีพ.ศ. 2559 – 2569 ฉบับที่ 15 ของไคล์ แอนด์ คอมพานี (Kline & Company) สถาบันด้านการวิจัยตลาดชั้นนำ เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่เชลล์ได้รับตำแหน่งนี้ ติดต่อกัน 11 ปีแล้ว ทั้งนี้รายงานฉบับนี้ครอบคลุมภาพรวมตลาดตลอดปีที่ผ่านมา
เชลล์ ครองอันดับ 1 ตำแหน่งผู้นำตลาดน้ำมันหล่อลื่นด้วยส่วนแบ่งการตลาด 11% ในปี 2559 โดยสถาบันการวิจัยดังกล่าวคาดการณ์ยอดขายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเชลล์ทั่วโลกอยู่ที่ 4,400 – 4,600กิโลตัน โดยแบ่งเป็นน้ำมันหล่อลื่นสำหรับผู้บริโภค 35% น้ำมันหล่อลื่นสำหรับภาคอุตสาหกรรม30% และน้ำมันหล่อลื่นสำหรับธุรกิจยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ 35%
สำหรับประเทศไทย น้ำมันหล่อลื่นเชลล์ติด 1 ใน 2 ผู้นำตลาดแบรนด์น้ำมันหล่อลื่น รวมถึงครองตำแหน่ง 1 ใน 3 ผู้นำตลาดแบรนด์น้ำมันหล่อลื่นในอีก 9 ประเทศได้แก่ อาร์เจนตินา แคนาดา จีน เยอรมัน ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ (DACH) อินโดนีเซีย เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ ซาอุดีอาระเบีย และ แอฟริกาใต้ อีกด้วย
นางสาววีธรา ตระกูลบุญ กรรมการบริหาร ธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เชลล์เป็นแบรนด์น้ำมันหล่อลื่นที่ได้รับความนิยมเป็นเวลา 11 ปีติดต่อกัน ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีน้ำมันหล่อลื่นอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่กลุ่มลูกค้าและผู้บริโภคทุกคน ในแต่ละปีเชลล์ทุ่มงบประมาณกว่า 30,000 ล้านบาทในการค้นคว้าวิจัย และการที่เราได้รับการจัดอับดับจากไคล์ แอนด์ คอมพานี (Kline & Company) นับเป็นการตอกย้ำว่าเราเดินมาถูกทางในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลก ผลสำรวจนี้ยังเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนของความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจของพนักงานเชลล์ทุกคน ในการส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมผ่านผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูงและการให้บริการลูกค้ากลุ่มธุรกิจและผู้บริโภค เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายได้อย่างครอบคลุม”
ผลสำรวจดังกล่าวยังระบุด้วยว่า น้ำมันหล่อลื่นเชลล์ ครองแชมป์ผู้นำตลาดใน 3 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกาจากทั้งหมด 16 ประเทศ โดยประเทศไทยรั้งตำแหน่งตลาดที่ทำยอดขายได้ประสบความสำเร็จควบคู่ไปกับ 13 ตลาดทั่วโลก อันได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย รัสเซีย ญี่ปุ่น บราซิล ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ (DACH) เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย แคนาดา เม็กซิโก และสหราชอาณาจักร
ประเทศไทยยังมีอัตราการความต้องการเติบโตสูงสุดที่ 2.4% ตามด้วยเกาหลีใต้ (2.1%) เม็กซิโก(2%) อินโดนีเซีย (1.8%) และอินเดีย (1.1%) ทั้งนี้ เชลล์ได้ทุ่มทุนหลายพันล้านบาท เดินหน้าปรับเปลี่ยนและเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ให้แก่เครือข่ายน้ำมันหล่อลื่นอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของกลุ่มธุรกิจยานยนต์และกลุ่มอุตสาหกรรม
ปัจจุบันเชลล์มีโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่น 40 แห่ง โรงกลั่นน้ำมัน 5 แห่ง และโรงงานผลิตจาระบี 10แห่งทั่วโลก ในขณะเดียวกัน เพื่อตอบสนองความต้องการในภูมิภาคเอเชีย ล่าสุดเชลล์ได้ดำเนินการเปิดโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่น และโรงงานผลิตจาระบีที่บริเวณทูแอสประเทศสิงคโปร์ โดยกลยุทธ์ในการบูรณาการโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นและโรงงานผลิตจาระบีดังกล่าว จะช่วยขยายกำลังการผลิตเพื่อสนับสนุนการเติบโตและความต้องการของภูมิภาคได้อย่างทันท่วงที