นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รองผู้ว่าการฝ่ายกฏหมายและกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทำการแทนผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) เดิมมีชื่อว่า “ทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์” ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๓ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานชื่อทางพิเศษว่า “ทางพิเศษกาญจนาภิเษก” โดยก่อสร้างเป็นทางยกระดับขนาด ๖ ช่องจราจร ระยะทาง ๒๒.๕ กม. มีวัตถุประสงค์ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๒
หลังการเปิดใช้งานพบว่าบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางแก้วมีปริมาณการจราจรหนาแน่นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับเกิดปัญหาการตัดกระแสการจราจรและระยะแถวคอยของรถบรรทุก ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด ผู้ใช้ทางพิเศษไม่ได้รับความสะดวกและส่งผลกระทบต่อการให้บริการ กทพ. จึงได้ ทำการศึกษาและออกแบบรายละเอียดงานปรับปรุงทางลงทางพิเศษกาญจนาภิเษกบริเวณดังกล่าว โดยได้ว่าจ้าง บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการก่อสร้างช่องเก็บค่าผ่านทางพิเศษเพิ่มเติมด้านขวาของด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางแก้ว ทางออก 1 จำนวน 3 ช่อง เป็นแบบเก็บเงินสด 2 ช่อง และแบบอัตโนมัติ 1 ช่อง เพื่อรองรับการเดินทางมุ่งหน้าไปบางนาโดยใช้ทางพิเศษบูรพาวิถี และกำหนดให้ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางแก้ว ทางออก 1 (เดิม) ไปได้เฉพาะบางปะอิน (ถนนกาญจนาภิเษก) และชลบุรีโดยใช้ทางพิเศษบูรพาวิถี ก่อสร้างด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษเพิ่มอีกจำนวน 6 ช่อง และก่อสร้างทางยกระดับข้ามถนนบางนา–ตราด จำนวน 2 ช่องจราจร บริเวณร่องน้ำด้านขวาเพื่อรองรับการเดินทางของรถยนต์ 4 ล้อ ไปบางปะอิน (ถนนกาญจนาภิเษก) และปรับปรุงด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางแก้ว ทางออก 2 จากเดิมที่มี 6 ช่อง (รถยนต์ 4 ล้อ 5 ช่อง, รถบรรทุก 1 ช่อง) ให้เหลือ 4 ช่อง (รถยนต์ 4 ล้อ 1ช่อง, รถบรรทุก 3 ช่อง) เพื่อเพิ่มจำนวนช่องรถบรรทุกให้มากขึ้น เป็นการลดระยะแถวคอยของรถบรรทุกไม่ให้ไปกีดขวางการจราจรที่จะไปที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางแก้ว ทางออก 3 โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 469.5 ล้านบาท
“การทางพิเศษฯ หวังว่าการเปิดให้บริการทางลงทางพิเศษกาญจนาภิเษกที่ปรับปรุงใหม่บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางแก้ว จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ทาง และช่วยประหยัดเวลา และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทาง รวมถึงช่วยแก้ปัญหาจราจรในภาพรวมของระบบทางพิเศษอีกด้วย” นายสุทธิศักดิ์ฯ กล่าวในท้ายที่สุด