ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ องค์เหนือหัวอันเป็นที่รักและเทิดทูลยิ่งของพสกนิกรชาวไทย ท่ามกลางความเศร้าใจของอาณาประชาราษฎร์ที่ร่ำไห้จนธารน้ำตาจะกลายเป็นสายเลือดท่วมแผ่นดินสยาม และยากที่จะทำใจรับได้ในเวลาอันรวดเร็ว
พระมหากรุณาธิคุณที่เกิดจากการเสด็จปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการทั่วทุกตารางนิ้วของแผ่นดินไทย ก่อให้เกิดคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ทุกหมู่เหล่าที่ได้เกิดภายใต้พระบรมโพธิสมภาร และแผ่ไพศาลปกเกล้าประคองประเทศไทยให้มีความมั่นคงในทุกด้านๆ และยากที่จะพรรณนาให้ครบถ้วนกระบวนความในที่นี้ได้
ขันธีร์ขนส่ง ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ด้วยการน้อมนำเสนอพระอัจฉริยภาพและสายพระเนตรอันยาวไกลด้านการพัฒนาพลังงานไทย ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนคนไทยที่ได้ใช้พลังงานในราคาถูก ประเทศชาติลดการพึ่งการเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ และยังเกื้อหนุนให้พี่น้องเกษรกรไทยมีรายได้เพิ่มพูน ตลอดถึงการเป็นวางรากฐานนำไปสู่การพัฒนาพลังานไทย ดังนี้
ทั้งนี้ พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ที่พระองค์ท่านทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกล และทรงมองเห็นถึง “วิกฤติพลังงาน”ที่จะเกิดขึ้น จึงทรงค้นคว้าวิจัยถึงแนวทางการใช้พลังงานที่เหมาะสมกับประเทศ โดยนำทรัพยากรที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืน โดยริเริ่มโครงการศึกษาการผลิตแอลกอฮอล์จากอ้อย ทดแทนการใช้น้ำมันด้วยการนำแอลกอฮอล์มาผสมกับน้ำมันเบนซินธรรมดาในอัตรา 1 ต่อ 4
ห้วงเวลาต่อมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อได้สานต่อ “โครงการผลิตแอลกอฮอล์จากกากน้ำตาล” โดยได้ปรับเปลี่ยนส่วนผสมในอัตรา 1 ต่อ 9 และพบว่าใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี ซึ่งพระองค์ได้ทรงทดลองใช้กับ “รถยนต์ทุกคัน”ในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา จนกระทั่งนำไปสู่จุดเริ่มต้นของการพัฒนาเป็น “แก๊สโซฮอล์”
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น ที่คนไทยได้มีน้ำมันใช้ในราคาที่ถูกกว่าน้ำมันนำเข้าจากต่างประเทศ และยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีอาชีพและมีรายได้เพิ่มมากขึ้น!
ยิ่งไปกว่านั้น นับเป็นความโชคดีอย่างยิ่งของประชาชนชาวไทย ที่ได้เกิดและอาศัยอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์ท่าน พระผู้ทรงเป็น “พ่อของแผ่นดิน” ซึ่งเปรียบเสมือน “พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย” ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา พระปรีชาสามารถ และพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกล กลายเป็นรากฐานสำคัญอย่างยิ่งของการพัฒนาพลังงานไทยในปัจจุบัน
เ
เหนือสิ่งอื่นใด คุณูปการอันใหญ่หลวงจากแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน ทำให้ปัจจุบันประชาชนชาวไทยได้มีทางเลือกในการใช้พลังงานทดแทน ที่คนไทยสามารถผลิตได้เอง และลดปริมาณการนำเข้าได้เป็นจำนวนมาก
นอกเหนือจากนั้น เมื่อครั้งพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เขื่อนคลองท่าด่าน จังหวัดนครนายก รถยนต์พระที่นั่งติดสติ๊กเกอร์ท้ายรถว่า “รถคันนี้ใช้น้ำมันปาล์ม100 %” จากนั้นได้รับการสานต่อเป็นโครงการนำร่องจากปตท.และบางจาก จนก่อให้เกิดการจำหน่ายน้ำมัน “ไบโอดีเซล B5” ทั้งในปั้มปตท.และบางจาก ในระยะแรกจำหน่ายให้กับ “รถยนต์ขนส่งรับจ้างสองแถว”ที่เข้าร่วมโครงการ ต่อมาได้ขยายการจำหน่ายให้กับประชาชนทั่วไป และนำไปสู่มาตรฐานน้ำมันไบโอดีเซลชุมชนและไบโอดีเซลเชิงพาณิชย์
จากแนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน นำไปสู่การพัฒนาและเกิดคุณูปการด้านพลังงานทดแทนอื่นๆอย่างกว้างขวาง ยากที่หยิบยกกล่าวอ้างให้ครบถ้วนสมบูรณ์ในครั้งนี้ได้!
ยังไม่สายเกินไปที่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าต้องตื่นรู้กับการใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างพอดีมีเหตุผลและอย่างพอประมาณ พร้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ และเดินตามรอยพระบาท “พ่อของแผ่นดิน”พระผู้เป็น“พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย” อย่างจริงจัง เพื่อกรุยทางไปสู่การ“ปฏิรูปพลังงาน” อย่างยั่งยืนสืบไป
แม้วันนี้พระองค์จะได้เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านจะยังคงจารึกในทุกดวงใจปวงชนชาวไทยชั่วกาลนิรันดร์