หลังทำให้คนกรุงต้อง “เสียเซลฟ์” กันมาหนแล้วกับความล้มเหลวในการจัดซื้อ“รถเมล์เอ็นจีวี” 489 คันที่“องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ”หรือ“ขสมก.” ปล้ำผีลุกปลุกผีน่ังกันมานับทศวรรษและหวังจะให้เป็นของขวัญปีใหม่ 2560 แก่ประชาชนคนกรุง
แต่กลับต้องลงเอยด้วยการยกเลิกการประมูลลงไปหลังบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป ผู้ชนะประมูลโครงการดังกล่าวไปเล่นแร่แปรธาตุดอดนำเข้าเอารถเมล์จากจีนทั้งคันมา “ย้อมแมว” แจ้งประกอบจากมาเลเซียแทนเพื่อหวังเคลมภาษีอาฟต้า จนโดนกรมศุลกากรไล่เบี้ยกักรถไว้ตรวจสอบจนตกขบวน ไม่สามารถจะส่งมอบรถได้ทันตามสัญญา
สุดท้ายขสมก.ต้องมีหนังสือบอกเลิกสัญญาและเปิดประมูลกันใหม่ทำเอาประชาชนคนกรุงต้อง “หาวเรอรอเก้อ”ผิดหวังอดนั่งรถเมล์ใหม่ไปตามๆกัน และไม่รู้ว่าจะต้องหาวเรอรอเมล์เอ็นจีวีที่ว่าไปอีกนานแค่ไหน เพราะแว่วๆ มาว่าการ
ประมูลเมล์เอ็นจีวีระลอกใหม่ที่ขสมก.กำลังโม่แป้งอยู่ก็ส่อจะเกิดปัญหาขึ้นมาอีกระลอก!
ไหนจะเรื่องปล่อยผีให้บริษัทเบสท์ริน กรุ๊ปเจ้าเดิมที่ขสมก.เพิ่งบอกเลิกสัญญาและยังคงมีเรื่องฟ้องร้องกันอีรุงตุงนังอยู่เข้าร่วมประมูล ไหนจะต้องยึดเอาราคาจัดซื้อหนก่อนคือ 3,389.71 ล้านบาทเป็นราคากลางทั้งที่ผ่านมาจะ 5 ปีแล้ว ประมูลเสร็จยังอาจต้องลุ้นระทึกจะกลับไปซ้ำรอยเดิมอีกหรือไม่หากผู้ชนะยังคงเป็นรายเก่าเอาน่ะ
แต่ที่ทำเอาคนกรุงแน่นจุกอกจนอยากลุกขึ้นมาแหกอกขสมก.ก็เมื่อจู่ๆ กระทรวงคมนาคมและกรมขนส่งทางบก ก็ลุกขึ้นมาจุดพลุนโยบายปฏิรูปรถเมล์ 269 เส้นทางแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แถมยังลุยกำถั่วทดลองดีเดย์นำร่องกันทันทีทันใด 8 สายเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา
ซึ่งเพียงแค่เริ่มทดสอบโครงการปฏิรูปรถเมล์ 8 สายแรกเท่านั้น ก็ทำเอาประชาชนคนกรุงปั่นป่วนไปหมด เสียงก่นด่าระงมถล่มเมือง หลายคนต้องตกรถไปทำงานไม่ทันเพราะมัวรอรถเมล์สายเดิมและไม่แน่ใจไอ้รถเมล์สายใหม่ที่ขสมก.จัดเต็มมาทั้งตัวเลขและภาษาประกิตนั้นมันสายเดียวกับรถเมล์สายเก่าหรือไม่
โลกโซเชียลต่างพร้อมใจกันวิพากษ์สนั่นเมืองถึงการปฏิรูปรถเมล์ครั้งนี้ที่ไม่รู้เอาอะไรมาคิด เพราะแทนจะทำให้ผู้คนได้เข้าถึงระบบขนส่งมวลชนได้โดยง่าย ได้รถเมล์ดีๆ มีคุณภาพ พนักงานคนขับและกระเป๋ามีกริยามารยาทสุภาพนอบน้อม ไม่จอดรถนอกป้าย หรือไม่ตัดระยะวิ่งจนต้องควักจ่ายค่าตั๋วเพิ่มกันหลายต่อ
แต่การปฏิรูปรถเมล์ล่าสุดนั้นกลับตาลปัตร ไหงกลายมาเป็นการลากเอารถเมล์เก่ามาเขียนคิ้วทาปาก คาดหน้าคาดตาประเภทรถเมล์คันนี้สีเขียว(แต่ตัวรถยังสีแดงเถือก) รถเมล์คันนี้สีแดง(ตัวรถถังทั้งคันยังเป็นน้ำเงิน-ขาว)จนคาดเดาไม่ออกว่าพี่แกจะเล่นอะไร แถมยังใส่ตัวเลขภาษาประกิตควบคู่ตัวเลขอารบิคให้ผู้คนมึนตึ๊บประเภทสายเดิม 114 เปลี่ยนใหม่เป็น G21 หรือสายเดิมสาย 54 เปลี่ยนมาเป็น G89E ของเดิม 514 เปลี่ยนมาเป็น E59E เป็นต้น ทำเอาประชาชนคนกรุงด่ากันขรม “ปฏิรูปภาษาอะไรถึงได้ทำเอาชีวิต(ตรู) …สับสนได้ถึงขนาดนี้”
ก่อนจะมีคำอรรถาธิบายจาก นายสนิท พรมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกถึงที่มาของการปฏิรูปรถเมล์หนนี้ว่า ที่ต้องใช้ภาษาประกิตเป็นชื่อสายรถเมล์ก็เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ เนื่องจากจะมีตัวเลขเพียงสองหลักเช่น B45 G 21 G59 เป็นต้นแตกต่างจากสายรถเมล์เดิมที่มีตัวเลข 2-3 สามหลักอย่างเช่นสาย 12,47,59,501 เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นการรองรับการพัฒนาเส้นทางเพิ่มเติมในอนาคต จะเพิ่มมาอีกกี่สายก็ง่ายต่อการจดจำนอกจากนี้เส้นทางใหม่ยังใช้สีแบ่งเขตการเดินรถเพื่อให้เข้าใจได้มากยิ่งขึ้น
เหนือสิ่งอื่นใดฝร่ังมังค่าที่อยากน่ังรถเมล์จะได้ไม่ต้องเมื่อยมือว่างั้นเหอะ!
ก็ไม่รู้กรมขนส่งและขสมก.คิดอะไรถึงมาจุดพลุปฏิรูปรถเมล์เอาช่วงนี้ ทั้งที่หนทางการจัดหารถเมล์ของ ขสมก.ที่เบ็ดเสร็จจะต้องมีการโละรถเก่าปรับเปลี่ยนรถใหม่กันจริงๆกว่า 3,300 คัน ที่ยังไม่รู้จะต้องหาวเรอรอกันไปอีกกี่ปี เพราะขนาดของเก่าจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีแค่ 489 คันยังยักแย่ยักยันกันมาเป็นสิบปี ผู้คนเขาเลยผวากลัวว่าที่สุดของการปฏิรูปมันจะทำได้แค่เอารถเมล์เก่ามาคาดหน้าคาดตาปรับขึ้นราคากันดื้อๆ
ที่สำคัญหัวใจของการปฏิรูปรถเมล์ที่ผู้คนอยากเห็นนั้นคงไม่ใช่แค่เอาเมล์เก่ามาเขียนคิ้วทาปาก คาดหน้าคาดตากันอย่างที่เห็น แต่อยู่ที่การทำให้ผู้คนเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนโดยง่าย ได้รถเมล์ดีๆ มีคุณภาพ เข้า-ออกป้ายตรงเวลา และโดยเฉพาะพนักงานขับและกระปี๋กระเป๋ารถมีกริยามารยาทสุภาพนอบน้อม ไม่ขับรถกระโชกโฮกฮากหรือสร้างวีรกรรมแบบ “เมล์นรกหมวยยกล้อสาย 8” นั่นเป็นพอ
หากแม้นปฏิรูปรถเมล์ไปแล้วยังสลัดวีรกรรมเก่าไม่ได้ มันคงไม่ต่างไปจากการที่รัฐกำลังปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศที่จะมาจัดทำและขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในอีก 20 ปีข้างหน้านั่นแหล่ะ
เพราะแค่ตั้งไข่กรรมการปฏิรูปที่ล้วนมีแต่คน “กากี่นั๊ง” แบบ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ผู้คนก็เดาอนาคตประเทศไทยที่จะ Back to the Future ย้อนกลับไปอีก 20-30 ปีแล้ว!!!
เนตรทิพย์