กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ สรุปคดีเจ้าหน้าการท่าเรือฯ พบรู้เห็นโกงค่าล่วงเวลาหรือโอทีเป็นเวลา 10 ปี ส้างความเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท ชี้มีผู้กระทำความผิดตำแหน่ง ผอ.กอง 9 คน ผู้อำนวยสำนัก 1 คน และผช.ผอ.อีก 1 คน เตรียมส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.เชื่อดหลังใช้เวลาสอบนาน 3 ปี
พันเอกพินิจ ตั้งสกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงความคืบหน้าการสอบสวนกรณีการทุจริตเบิกจ่ายค่าล่วงเวลา หรือ โอที ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ว่าดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษตั้งแต่ปี 2557 หลังตัวแทนของการท่าเรือแห่งประเทศไทยมาร้องเรียนให้ตรวจสอบ จึงมีการตรวจสอบย้อนหลังไปถึงปี 2551 พบว่ามีการกระทำผิดจริง และผู้กระทำผิดมีตั้งแต่ผู้อำนวยการกอง 9 คน, ผู้อำนวยการสำนัก 1 คน และผู้ช่วยผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบังอีก 1 คน
จากการสอบสวนพบการทุจริตในลักษณะของการตั้งเรื่องเบิกจ่ายค่าล่วงเวลาโดยไม่มีการปฏิบัติหน้าที่จริง, การตั้งเบิกในลักษณะเหมาจ่าย ซึ่งถือว่าผิดระเบียบ โดยพบการทุจริตในเกือบทุกแผนกในการท่าเรือแห่งประเทศไทย มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงรู้เห็นเป็นใจในลักษณะปล่อยให้มีการเสนอเรื่องเบิกจ่ายไปตามขั้นตอน โดยไม่มีการทักท้วง ซึ่งความเสียหายที่พบ เฉลี่ยปีละ 300-400 ล้านบาท นอกจากนี้ หลังถูกร้องเรียนและมีการระงับการเบิกจ่ายค่าล่วงเวลา ก็กลับมีผู้ไปฟ้องร้องเรียกเงินชดเชยจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยอีก ทำให้เมื่อรวมทั้ง 2 กรณี ส่งผลให้รัฐเสียหายเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท
การตรวจสอบคดีนี้ ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร สืบเนื่องจากมีเอกสารและข้อมูลที่เข้าใจยาก อีกทั้งไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร จึงทำให้การคดีมีความล่าช้า แต่ขณะนี้ได้ทำคดีแล้วเสร็จพบการกระทำความผิดดังกล่าว จนสามารถส่งสำนวนแก่ ป.ป.ช.ได้ในที่สุดตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา