บนเส้นทางสายรถบรรทุกในไทยมีหลากหลายค่ายจากหลากหลายสายพันธุ์เปิดศึกกลยุทธ์การตลาดหวังแบ่งเค้กก้อนโตในไทยดุเดือดต่อเนื่องทุกปี ยิ่งตลาดเพิ่มผู้เล่นมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มอุณหภูมิการปล่อยกลยุทธ์การตลาดแข่งขันดุเดือดเข้มข้นจากบรรดาค่ายรถใหญ่มากขึ้นเท่านั้น ทั้งการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ชูธงประหยัดเชื้อเพลิงเป็นเลิศ ช่วงชิงความโดดเด่นด้านความคุ้มค่าการลงทุนในราคาสบายกระเป๋า รวมถึงการโชว์จุดแข็งด้านบริการหลังการขาย
ทั้งนี้ เพื่อกรุยทางสู่เป้าหมาย “ดูดพลังซื้อ”จากผู้ประกอบขนส่งเมืองไทยสุดลิ่มทิ่มประตู!
แต่ทว่า บนเส้นทางสายรถบรรทุกภายใต้กลยุทธ์การตลาดของทุกค่ายทุกสายพันธุ์นั้น ย่อมมีความเหมือนและแตกต่างกันไปตามครรลองและอัตลักษณ์ของแต่ละยี่ห้อท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในแต่ยุคแต่ละสมัย Logistics Time ถือโอกาสส่องเส้นทางค่ายรถใหญ่ทั้งสายพันธุ์“ญี่ปุ่น-จีน-ยุโรป”ว่าค่ายไหนสายพันธุ์อะไรจะ “รุ่งหรือร่วง?” ผ่านมุมมองสุดเอ็กซ์คลูซีพของประมุขสิบล้ออาเซียนอย่าง “คุณยู เจียรยืนยงพงศ์” ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน (ATF) อีกหนึ่ง “กูรู” สิงห์รถบรรทุกเมืองไทย ดังนี้
ค่ายรถจีนจ่อถึง “ทางตัน”
ทั้งนี้ คุณยู ประเดิมด้วยการเปลี่ยนแปลงตลาดรถบรรทุกในประเทศไทยว่าระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ารถบรรทุกจากประเทศจีนเข้ามาทำตลาดในประเทศค่อนข้างเยอะ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มที่จะซบเซาลง เนื่องจากการบริการหลังการขาย รวมไปถึงศูนย์บริการด้านการซ่อมบำรุงรักษาไม่เป็นที่ประทับใจลูกค้าที่ซื้อรถไป ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจโลกและประเทศไทยมีภาวะที่ต่ำลง ที่สำคัญตัวเลขการจดทะเบียนรถบรรทุกก็มีอัตราที่ลดลงตามไปด้วย จากปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลให้การซื้อรถจีนจึงมีปริมาณที่ลดตามลงไปด้วย
“ช่วงที่รถบรรทุกจีนเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย มีการซื้อขายในปริมาณที่สูงมาก สืบเนื่องจากปัจจัยหลัก 2 คือ 1.รถบรรทุกญี่ปุ่นผลิตไม่ทัน อันเป็นผลพวงจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ และเกิดแผ่นดินไหวที่เซนได ทำให้อุปกรณ์ที่จะนำมาผลิตรถบรรทุกผลิตไม่ทัน จึงทำให้รถจากจีนสบโอกาสเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย 2.รถจีนที่เข้ามาในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นรถ NGV ซึ่งในส่วนนี้ต้องยอมรับว่า รถ NGV ของจีนพัฒนาได้รวดเร็วกว่าญี่ปุ่น ผนวกกับราคาที่ถูกกว่า รวมไปถึงราคา NGV ในบ้านเราก็ช่วยให้ใช้งาน ก็เลยทำให้การซื้อขายรถจากจีนมีปริมาณที่ค่อนข้างมาก”
อย่างไรก็ดี ปัญหารถจีนที่ไม่ได้รับความนิยมอีกประกานหนึ่ง คือปัจจุบันราคา NGV ในบ้านเรามีการปรับราคาสูงขึ้น จึงทำให้ผู้ประกอบการเริ่มหันกลับไปใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงเหมือนเดิม รวมไปถึงการบริการหลังการขายของรถจีนไม่ครอบคลุม เพราะเมื่อรถเสียผู้ประกอบการก็ไม่รู้จะเอารถไม่ซ่อมบำรุงที่ไหน จากประเด็นดังกล่าวจึงทำให้ปัจจุบันรถบรรทุกจากจีนแผ่นดินใหญ่มีโอกาสเติบโตในไทยได้เหมือนแต่ก่อนค่อนข้างที่จะยากมากยิ่งขึ้น
ค่ายยุโรป “วอลโว่-สแกนเนีย” มวยถูกคู่!
ส่วนรถบรรทุกสายพันธุ์ยุโรปนั้น ประธาน ATF ให้ความเห็นว่าค่ายรถบรรทุกยุโรปที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง ก็จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ยี่ห้อด้วยกัน คือวอลโว่ และสแกนเนีย ในส่วนของวอลโว่ทราบกันดีว่ายี่ห้อนี้อยู่คู่กับเมืองไทยมาอย่างยาวนาน
“ข้อได้เปรียบของวอลโว่เท่าที่เห็นก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของศูนย์ซ่อมและศูนย์บริการต่างๆ รวมไปถึงเรื่องของการติดต่อประสานงานกับลูกค้าที่ค่อนข้างจะดีมาก ปัจจุบันจะเห็นได้ว่า รถบรรทุกวอลโว่ ได้รับความนิยมและมีการใช้งานที่ค่อนข้างเยอะและใช้งานในหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะในส่วนของรถประเภทที่ใช้ในการขนส่งแบบพิเศษ ที่ต้องใช้แรงม้ามากๆ หรือใช้ในพื้นที่ที่อยู่ในป่าหรือบนภูเขา วอลโว่จะมีความได้เปรียบในส่วนนี้มากกว่ายี่ห้ออื่นๆ”
ฟากฝั่งค่ายสแกนเนีย นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ทำตลาดในเมืองไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่าสามทศวรรษแล้ว ต้องยอมรับว่า สแกนเนีย มีกลุ่มลูกค้าประจำที่ใช้งานกันอยู่โดยไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจไปใช้ยี่ห้ออื่น นั่นเป็นเพราะลูกค้าเชื่อมั่นในสมรรถนะของรถ อีกทั้งเป็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสแกนเนียและกลุ่มลูกค้าที่เหนียวแน่น รวมถึงความประทับใจด้านการบริการหลังการขายที่ดี จึงทำให้กลุ่มที่ใช้งานรถสแกนเนียก็ยังคงใช้งานเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ หากเป็นมวยถือว่าเป็นมวยถูกคู่ และยังจะเป็นยี่ห้อที่ผู้ใช้งานให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจ และจะยังสามารถครองใช้ผู้ใช้รถได้อีกยาวนาน
“Mercedes Benz –MAN” กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ขณะที่ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่จากประเทศเยอรมันอย่าง Mercedes Benz และ MAN นั้น คุณยู ให้ทัศนะว่าค่ายรถบรรทุกสายพันธุ์ยุโรปนอกเหนือจาก 2 ค่ายยักษ์จากประเทศสวีเดนแล้ว ยังมียี่ห้อชั้นนำสายพันธุ์ยุโรปจากประเทศเยอรมัน อย่าง Mercedes-Benzและ MAN ที่ได้เข้าทำตลาดในเมืองไทยได้ระยะหนึ่ง
“ค่าย Mercedes-Benz คงไม่ต้องพูดถึงความยิ่งใหญ่และความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมระดับโลก แต่ในเมืองไทยเพิ่งเปิดตัวทำตลาดโดยประกาศแต่งตั้งดีลเลอร์รายใหญ่อย่างจริงจังเมื่อปีที่แล้ว ที่สำคัญค่ายดาวสามแฉกยังไม่มองแค่ตลาดในไทยเท่านั้น ยังมีการวางแผนจะเข้ามาสู่ภูมิภาค CLMV โดยเลือกประเทศไทยเป็นเป้าหมายหลัก นั่นก็เพราะว่าประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางและได้เปรียบในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายรถ เทคโนโลยี การประกอบรถ และการผลิตรถยนต์ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย ดังนั้น คาดว่าโอกาสเติบโตในไทยน่าสนใจและน่าจับตาเป็นพิเศษ
ส่วนค่าย MAN อีกหนึ่งแบรนด์ชั้นนำจากประเทศเยอรมันเช่นกัน เป็นการทำตลาดโดยกลุ่มตันจง หากวัดกันด้วยเรื่องความยิ่งใหญ่และความนิยมในยุโรปแล้ว ค่าย MAN ไม่เป็นสองรองใครแน่ แต่ทว่าการทำตลาดในไทยของค่าย MAN เพิ่งทำตลาดได้ประมาณ 5 ปี ก็มีลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้เฉพาะกลุ่มที่ให้ความไว้วางใจในสมรรถนะและความคุ้มค่าการใช้งานทั้งรถโดยสารและรถบรรทุก
“ผมมองว่าค่าย MAN ภายใต้การทำตลาดของตันจงจากสิงคโปร์ ที่มีความเข้าใจในวิธีการทำตลาดในภูมิภาคเอเชียและอาเซียนมากกว่าฝรั่ง ผนวกกับค่ายตันจงเคยทำตลาดยี่ห้อฟูโซ่ได้ดีมากมาก่อนหน้านี้ ที่กุมความได้เปรียบด้านฐานลูกค้าและความใกล้ชิดกับลูกค้า ดังนั้น การทำตลาดของค่าย MAN ในไทยจึงน่าสนใจและต้องจับตาเป็นพิเศษต่อขับเคลื่อนจากนี้ไป”
อย่างไรก็ตาม คุณยู สรุปปิดท้ายว่าการทำตลาดของค่ายรถใหญ่ทุกสายพันธุ์ในไทยจากนี้ไปน่าจะดุเดือดเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะ ในแง่กลยุทธ์การตลาดเราคงได้เห็นการปล่อยทีเด็ดของค่ายรถต่างๆออกมาเป็นระลอกแน่นอน สุดท้ายแล้วก็น่าจะโอกาสทองของผู้ประกอบการขนส่งเมืองไทย ซึ่งมีทางเลือกมากขึ้นที่จะตัดสินใจสั่งซื้อรถบรรทุกมาในราคาที่เหมาะสมกับเงินในกระเป๋า ตอบโจทย์และคุ้มค่ากับลักษณะการใช้งานของธุรกิจขนส่งของตัวเองเป็นที่ตั้ง
ภายใต้การขับเคลื่อนของแต่ละยี่ห้อแต่ละสายพันธุ์นับจากนี้ไป ไม่ว่าจะมาจากแดนซามูไร จีนแผ่นดินใหญ่ หรือแม้แต่ดินแดนอันไกลโพ้นฝั่งยุโรปก็ตาม บางค่ายตึตลาดกระจุยกระจายไปแล้ว แต่บางค่ายน้องใหม่ที่เพิ่งยกพลขึ้นได้ไม่นานก็ต้องยกระดับดีกรีการตลาดให้แรงเร็วทะลุทะลวง
ทำให้เส้นทางสายรถบรรทุกเมืองไทยจากนี้น่าจับตายิ่งนักว่าใครจะ “รุ่งโรจน์ หรือรุ่งริ่ง” กาลเวลาเท่านั้น…จะเป็นเครื่องพิสูจน์!
