กรมทางหลวง สรุปสถานการณ์น้ำท่วมประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2567 พบทางหลวงผ่านไม่ได้ 14 แห่ง สอบถามเส้นทางโทร 1586
กรมทางหลวง (ทล.) กระทรวงคมนาคม สรุปสถานการณ์อุทกภัยและดินสไลด์บนทางหลวง ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2567 พบว่าทางหลวงถูกน้ำท่วม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน พะเยา เชียงราย และแพร่ (รวม 12 สายทาง 22 แห่ง) การจราจรผ่านไม่ได้ 14 แห่ง ดังนี้
1. จังหวัดน่าน 3 แห่ง ได้แก่
– ทล.1081 บ่อเกลือ – เฉลิมพระเกียรติ ช่วง กม. ที่ 122+525 – 122+625 ในพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เกิดเหตุดินสไลด์ปิดทับผิวจราจร ไม่มีเส้นทางเลี่ยงทดแทน
– ทล.1081 บ่อเกลือ – เฉลิมพระเกียรติ ช่วง กม. ที่ 134+650 – 134+700 ในพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เกิดเหตุดินสไลด์ปิดทับผิวจราจร ไม่มีเส้นทางเลี่ยงทดแทน
– ทล.1169 บ่อเกลือ – เฉลิมพระเกียรติ ช่วง กม. ที่ 10+225 – 10+825 ในพื้นที่อำเภอภูเพียง ระดับน้ำสูง 70 – 80 เซนติเมตร
2. จังหวัดพะเยา 6 แห่ง ได้แก่
– ทล.1093 สบบง – ขุนห้วยไคร้ ช่วง กม. ที่ 31+000 – 40+000 ในพื้นที่อำเภอภูขาง เกิดเหตุดินสไลด์ปิดทับผิวจราจร ไม่มีเส้นทางเลี่ยงทดแทน
– ทล.1091 ป่าแดง – ปงสนุก ช่วง กม. ที่ 59+283 – 59+823 ในพื้นที่อำเภอเชียงม่วน เกิดเหตุตอม่อสะพานชำรุด ไม่มีเส้นทางเลี่ยงทดแทน
– ทล.1091 ป่าแดง – ปงสนุก ช่วง กม. ที่ 48+300 – 48+450 ในพื้นที่อำเภอปง ระดับน้ำสูง 70 เซนติเมตร
– ทล.1251 ดอกคำใต้ – บ้านถ้ำ ช่วง กม. ที่ 0+100 – 1+300 ในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้ ระดับน้ำสูง 35 – 40 เซนติเมตร
– ทล.1251 ดอกคำใต้ – บ้านถ้ำ ช่วง กม. ที่ 4+100 – 4+300 ในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้ ระดับน้ำสูง 40 เซนติเมตร
– ทล.1251 ดอกคำใต้ – บ้านถ้ำ ช่วง กม. ที่ 4+900 – 5+500 ในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้ ระดับน้ำสูง 40 เซนติเมตร
3. จังหวัดเชียงราย 4 แห่ง ได้แก่
– ทล.1093 ขุนห้วยไคร้ – ผาตั้ง ช่วง กม. ที่ 81+084 ในพื้นที่อำเภอเวียงแก่น เกิดเหตุสะพานขาด
– ทล.1155 ทรายกาด – บ้านลุง ช่วง กม. ที่ 5+500 – 5+530 ในพื้นที่อำเภอเทิง เกิดเหตุสะพานขาด
– ทล.1155 ทรายกาด – บ้านลุง ช่วง กม. ที่ 16+000 – 16+100 ในพื้นที่อำเภอเทิง เกิดเหตุสะพานขาด
– ทล.1155 ทรายกาด – บ้านลุง ช่วง กม. ที่ 27+400 – 27+500 ในพื้นที่อำเภอเทิง ดินสไลด์ทำให้คันทางทรุดตัว
4. จังหวัดแพร่ ได้แก่ ทล.1154 สอง – แก่งเสือเต้น ช่วง กม.ที่ 20+275 – 21+200 ในพื้นที่อำเภอสอง ระดับน้ำสูง 80 เซนติเมตร แนะนำใช้ ทล.103 แทน
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเดินทางด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยและเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอดเวลา หากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วน ทล. โทร. 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)
บขส. แจ้งเปลี่ยนเส้นทางกรุงเทพฯ – เชียงคำหลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมภาคเหนือรถผ่านไม่ได้ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ – นายสถานีเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มความปลอดภัยใการเดินทาง
นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการฯ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ ในพื้นที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง ส่งผลให้ถนนไม่สามารถเดินทางได้นั้น บขส. ได้ตรวจสอบเส้นทางเดินรถพบว่า เส้นทางกรุงเทพฯ – เชียงคำ ได้รับผลกระทบเนื่องจากสะพานบ้านทุ่งหนอง ทล.1091 พื้นที่ตำบลสระ อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา เกิดการทรุดตัวจากฝนตกหนักและมีน้ำป่าไหลหลาก รถโดยสารไม่สามารถผ่านได้ ต้องปิดถนนชั่วคราว และอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข
บขส. จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถบางช่วง ดังนี้ เที่ยวกลับ (ขาล่อง) ออกจากสถานีเดินรถเชียงคำ ไปรับผู้โดยสารจุดจอดดอนเงิน จุดจอดปง และย้อนกลับมาออกยังอำเภอจุน และใช้เส้นทางอำเภอดอกคำใต้ – งาว กลับสู่เส้นทางปกติ ส่วนเที่ยวไป (ขาขึ้น) ใช้เส้นทางอำเภองาว – ดอกคำใต้ – จุน – ปง เพื่อส่งผู้โดยสารจุดจอดปง จุดจอดดอนเงิน และกลับสถานีเชียงคำในเส้นทางเดินรถปกติ ทั้งนี้ หากการแก้ไขสะพานบ้านทุ่งหนองแล้วเสร็จและเปิดให้รถโดยสารวิ่งผ่านได้ บขส. จะกลับมาใช้เส้นทางเดินรถปกติต่อไป
นอกจากนี้ ได้มอบให้นายสถานีเดินรถในพื้นที่ภาคเหนือ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง หากพบว่าเส้นทางใดได้รับผลกระทบ มีน้ำท่วมสูงไม่สามารถผ่านได้ให้แจ้งทันที เพื่อปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถให้เหมาะสมและแจ้งผู้โดยสารให้ทราบต่อไป พร้อมกำชับพนักงานขับรถทุกเส้นทางให้ตระหนักถึงความปลอดภัย ตรวจสอบความพร้อมสภาพรถโดยสาร ยาง ก้านปัดน้ำฝน ไฟหน้า – หลัง ระบบเบรก เข็มขัดนิรภัย ก่อนให้บริการเป็นพิเศษ ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ควบคุมความเร็วในการขับขี่ไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อเจอฝนตก สภาพถนนเปียก เส้นทางที่น้ำท่วมขัง ให้ใช้ความเร็วลดลง ใช้ความระมัดระวังในการขับรถให้มากขึ้น ไม่ขับขี่โดยประมาท รวมทั้งจัดพนักงานขับรถ 2 คน ในเส้นทางสายยาวที่ใช้เวลาเดินทางเกิน 6 ชั่วโมง และพนักงานขับรถต้องได้รับการตรวจสภาพความพร้อมของร่างกายและจิตใจก่อนปฏิบัติหน้าที่ เพื่อส่งผู้โดยสารถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย