“เอสซีจี เอ็กซ์เพรส” ตอกย้ำผู้เชี่ยวชาญส่งด่วนควบคุมอุณหภูมิรายเดียวในไทย

0
375

เอสซีจี เอ็กซ์เพรส เปิดแผนธุรกิจปี 60 รุกตลาดส่งด่วนเต็มรูปแบบ รับแนวโน้มธุรกิจการค้าออนไลน์ที่โตก้าวกระโดด เดินหน้าสร้างการรับรู้ถึงจุดแข็ง “บริการที่มีคุณภาพ เอาใจใส่ ตรงต่อเวลา” และการเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่เปิดตลาด “ขนส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิ” สนองความต้องการลูกค้ากลุ่มธุรกิจรายย่อยที่ต้องการส่งสินค้าในรูปแบบควบคุมอุณหภูมิ พร้อมเตรียมขยายพื้นที่การให้บริการสู่ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคอีสาน ภายในปีนี้ และครอบคลุมทั่งประเทศในปี 2561 พร้อมตั้งเป้ายอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี

นายนิธิ ภัทรโชค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ตลาดในประเทศ ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า เอสซีจี ได้ร่วมกับบริษัท ยามาโตะ กรุ๊ป จำกัด เปิดธุรกิจ เอสซีจี เอ็กซ์เพรส ธุรกิจส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน ภายใต้แนวคิด “Deliver Your Happiness” เพื่อต่อยอดการให้บริการจากธุรกิจ เอสซีจีโลจิสติกส์ ที่ให้บริการด้านโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังตอบโจทย์เทรนด์การค้าตลาดออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ซ ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2559 ตลาดอีคอมเมิร์ซในรูปแบบค้าปลีกค้าส่ง มีมูลค่า 7 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 30% ส่งผลให้ความต้องการใช้บริการส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วน มีแนวโน้มสูงขึ้นตามไปด้วย โดยได้ประเดิมเปิดให้บริการ เอสซีจี เอ็กซ์เพรส ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 ที่ผ่านมา โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่ให้ความสนใจใช้บริการส่งพัสดุด่วนกว่า 150,000 ชิ้น

สำหรับ เอสซีจี เอ็กซ์เพรส มี 4 รูปแบบให้เลือก โดยบริการที่นับว่าเป็นการเปิดตลาดครั้งแรกของประเทศไทย ก็คือ บริการขนส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิ (COOL TA-Q-BIN) จัดส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือผู้รับ ด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์จาก ยามาโตะ กรุ๊ป ได้แก่ กล่องรักษาความเย็น ที่สามารถเก็บรักษาความเย็นได้นานถึง 12 ชั่วโมง ตลอดจนกระบวนการควบคุมคุณภาพและรักษาความเย็นด้วยหลัก 530 คือ พัสดุควบคุมอุณหภูมิทุกชิ้นจะมีโอกาสสัมผัสกับอุณหภูมิปกติไม่เกิน 30 วินาที และจะถูกดำเนินการคัดแยกภายในระยะเวลา 5 นาที นับตั้งแต่เปิดกล่องรักษาความเย็น ตลอดจนมีกระบวนการเช็คอุณหภูมิทุกขั้นตอน เพื่อให้ใช้ผู้บริการมั่นใจได้ว่า พัสดุถูกจัดเก็บภายใต้อุณหภูมิที่เหมาะสมจนส่งมอบถึงมือผู้รับ

“ทั้งนี้ผู้บริโภคสามารถส่งได้ทั้งพัสดุแบบแช่เย็น ระบบควบคุมอุณหภูมิที่รักษาความเย็นได้ 0-8 องศาเซลเซียส สินค้าแช่แข็ง ระบบอุณหภูมิที่รักษาความเย็นได้ต่ำกว่า -15 องศาเซลเซียส ซึ่งบริการขนส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มธุรกิจรายย่อยที่ต้องการส่งสินค้าในรูปแบบควบคุมอุณหภูมิ อามิ อาหารแช่แข็ง ผลไม้ ยา ขนม และเครื่องสำอาง โดยคาดว่าตลาดนี้มีมูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท และยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดให้บริการ นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ อีก ได้แก่ บริการขนส่งพัสดุย่อยแบบเร่งด่วนถึงบ้าน บริการรับพัสดุถึงบ้านลูกค้าและจัดส่งถึงปลายทางในวันถัดไป บริการส่งเอกสารหรือพัสดุภัณฑ์ด่วนระหว่างบริษัทถึงบริษัท และบริการเก็บเงินปลายทาง

โดยทิศทางการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี เอ็กซ์เพรส ในปี 2560 เน้นเดินหน้าสร้างการรับรู้ถึงจุดแข็งด้านคุณภาพในการให้บริการและความทันสมัยของระบบจัดส่งพัสดุ โดยเน้นสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และการเพิ่มจุดรับส่งพัสดุเอสซีจี เอ็กซ์เพรสอย่างรวดเร็ว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้ นอกจากนั้นยังมีแผนในการรุกขยายพื้นที่ให้บริการไปพร้อมกับการพัฒนาคุณภาพ โดยตั้งเป้าขยายการให้บริการสู่ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคอีสานภายในปี 2560 พร้อมตั้งเป้าหมายขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในปี 2561 โดยมั่นใจว่า เอสซีจี เอ็กซ์เพรส จะเป็นที่รู้จักและครองใจผู้บริโภคได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยตั้งเป้าไว้ว่าภายในระยะเวลา 5 ปี จะมียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท และครองความเป็นผู้นำตลาดส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิ”

ด้าน มร.ฉั่ว ขิ่ง เส็ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยามาโตะ เอเชีย จำกัด (YAMATO ASIA PTE.,LTD) กล่าวว่า ยามาโตะ กรุ๊ป มีวิสัยทัศน์ในการมุ่งสู่การเป็นธุรกิจบริการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์อับดับหนึ่ง ทั้งในด้านนวัตกรรมการบริการและการส่งเสริมความเป็นอยู่ของผู้บริโภคในเอเซีย โดยได้จับมืแเป็นพันธมิตร กับ เอสซีจี องค์กรชั้นนำของไทย ที่มีนโยบายการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจและให้ความสำคัญกับการมอบสิ่งทีี่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค เช่นเดียวกับ ยามาโตะ กรุ๊ป ทั้งยังมีความแข็งแกร่งของเครือข่ายด้านโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าในประเทศไทย จึงนำจุดแข็งดังกล่าวมาผสมผสานกับนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญด้านตลาดขนส่งสินค้าย่อยแบบเร่งด่วนของ ยามาโตะ เพื่อมอบความสะดวกด้านการขนส่งสินค้า และตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยได้มากที่สุด

“ทั้งนี้ตลาดขนส่งพัสดุย่อยในประเทศไทยมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนที่เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้เพื่อซื้อขายสินค้าระหว่างบุคคล ส่งผลให้ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงจำนวนการขนส่งพัสดุแบบย่อยก็มีอัตราที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงมองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่จะช่วยเพิ่มเครือข่ายทางธุรกิจบริการขนส่งพัสดุขนาดย่อยที่มีคุณภาพ บริษัทเชื่อมั่นว่าการจับมือกับเอสซีจี จะสามารถให้บริการขนส่งที่มีคุณภาพให้กับทุกคนในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน”