การรถไฟฯขานรับนโยบาย Quick Win “คมนาคม ของประชาชน” เร่งเปิดใช้ทางคู่สายใต้ พร้อมปรับเวลาเดินรถใหม่ ถึงจุดหมายเร็วขึ้น เริ่มวันที่ 15 ธันวาคมนี้ ลั่นพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในปี 2567 อำนวยความสะดวกการเดินทางพี่น้องประชาชน หนุนการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงทุกภูมิภาคต่างๆสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าตามนโยบาย Quick Win “คมนาคม ของประชาชน” ของนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ได้ให้ความสำคัญในการเดินหน้าโครงการก่อสร้างต่างๆ ของการรถไฟฯ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วนของการรถไฟฯ เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่ในเส้นทางสายใต้ สามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2567 อำนวยความสะดวกในการเดินทางของพี่น้องประชาชน รวมถึงสามารถขนส่งสินค้าเชื่อมโยงทุกภูมิภาคต่างๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย
ทั้งนี้ จากนโยบายดังกล่าว นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความพร้อมของโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วนในเส้นทางสายใต้ ช่วงนครปฐม – หัวหิน ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และช่วงประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร ที่มีความก้าวหน้าใกล้จะแล้วเสร็จทั้งหมด
การรถไฟฯ จึงได้พิจารณาความพร้อมของสถานีและระบบต่างๆ ในการเดินขบวนรถ และกำหนดเปิดใช้ทางคู่ในช่วงแรก ระหว่างสถานีบ้านคูบัว จังหวัดราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จังหวัดชุมพร รวมระยะทาง 348 กิโลเมตร ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนารถไฟทางคู่ ที่จะช่วยลดเวลาในการเดินทาง เพิ่มความเร็วและความปลอดภัยในการเดินขบวนรถ โดยตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป การรถไฟฯ กำหนดปรับเวลาเดินรถสายใต้ จำนวน 60 ขบวน ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารใช้เวลาในการเดินทางน้อยลง และถึงจุดหมายปลายทางเร็วขึ้น การเดินทางของประชาชนชน รวมถึงการขนส่งสินค้า สามารถถึงจุดหมายได้เร็วขึ้นประมาณ 1.30 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอหลีกขบวนรถ เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเดินรถ ทำให้การรถไฟฯ สามารถรองรับขบวนรถได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งด้านโลจิสติกส์ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอระดับรถไฟ-รถยนต์ ที่สำคัญรถไฟทางคู่ยังช่วยกระจายโอกาสทางสังคมการเติบโตทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคต่างๆ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย เป็นการพลิกโฉมการคมนาคมขนส่งระบบรางของประเทศ ให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมของภูมิภาคอาเซียน
สำหรับประชาชนที่มีความประสงค์จะเดินทางในเส้นทางดังกล่าว สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
ท้ายนี้ การรถไฟฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟทุกโครงการให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการทันตามแผนที่กำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ประชาชน ตลอดจนช่วยลดต้นทุนการขนส่งเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ให้ประเทศ เพื่อกระจายการเติบโตทางเศรษฐกิจไปยังภูมิภาคตามยุทธศาสตร์ชาติของประเทศ ตลอดจนสนับสนุนให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางของภูมิภาคอาเซียนต่อไป