นิตยสาร Logistics Time ปีที่ 13 ฉบับที่ 143 ฉบับประจำเดือนกันยายน 2559 : “ตะวันเพลิง” หน้าเก่าขาประจำรายงานตัวประจำฐานกองบัญชาการ“เลาะระเบียงขนส่ง” ทำหน้าที่สื่อกลางรายงานและลัดเลาะเจาะลึกความเคลื่อนไหวพลางหยิบแกมหยอกบรรดาพี่น้องสิงห์รถบบรทุกและผู้ประกอบการขนส่งทั่วฟ้าเมืองไทยอีกแล้วขอรับกระผม
***ข่าวความเคลื่อนไหวในแวดวงรถบรรทุกเมืองไทยในช่วงนี้ดูเงียบเหงา วังเวง วิเวก วิโว๋ เว๋…แม้จะล่วงเลยย่างเข้าเดือนที่ 9 เข้าไปแล้ว แต่บรรดาค่ายรถทั้งสายพันธุ์ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ก็ยังซุ่มเงียบไร้วี่แววการเปิดตัวรถใหม่โดยประการทั้งปวง ถึงกระนั้น ก็ยังทำตลาดปั๊มยอดขายเข้าคงคลังภายใต้กลยุทธ์ของแต่ละค่าย และยังมียอดข่าวการส่งมอบรถพอให้ชื่นตับไตไส้พุงอยู่บ้าง “ตะวันเพลิง”กราบเรียนตามตรงปีนี้ยอดขายรวมรถใหญ่บ้านเราคงไม่เกินหน้าเกินหนวดจากยอดขายปีที่แล้ว ที่ทำสถิติไว้ที่ 2.7 หมื่นคัน แหม…ได้แค่นี้ก็บุญโขแล้วพ่อทูลหัวของบ่าววววว
***ขณะที่ความเคลื่อนไหวในแง่มุมปรับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงของค่ายวอลโว่ ผู้คลุกคลีตีโมงในแวดวงคงทราบดีโดยทั่วกัน “กำลาภ ศิริกิตติวัฒน์” ผงาดขึ่นแท่นเป็น MD คนไทยแรกหลังผูกขาดโดยผู้บริหารชาวต่างชาติมาโดยตลอด
และ “คุณตุ๊กตา- วิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว” ก็ขยับขึ้นดำรงตำแหน่ง รองประธานฝ่ายการตลาดและสนับสนุนการขาย ขณะที่ตำแหน่งเดิมผู้จัดการฝ่ายการตลาด ก็ถูกแทนที่โดย “คุณข้าวโอ๊ด-นริศรา คุ้มไข่น้ำ” และ “ตะวันเพลิง”ไม่ลืมขอแสดงความยินดีทั้ง 3 ท่านมา ณ ที่นี้ด้วย 2 ผู้บริหารแรกคงไม่ต้องพูดถึงความคล่องตัวในการให้ข่าว แต่ผู้จัดการฝ่ายขายป้ายแดงอย่างคุณข้าวโอ๊ดที่ดูเหมือนจะออกอาการเกร็งๆบวกอาการเขินอายนิดนุงหลังป๊ะหน้ากับนักข่าวยิงคำถาม แต่เชื่อว่าเดี๋ยวอีกหน่อยก็แกร่งขึ่นเรื่อยๆ บางวิทยายุทธ์ก็ไม่สอนกันง่ายๆ ต้องฝึกฝนแล้วฝึกฝนอีก สู้ครับคุณข้าวโอ๊ด!!!
***ฟากฝั่งความเคลื่อนไหวในแวดสมาคมขนส่งต่างๆ ในขวบเดือนที่ผ่านมาคงไม่มีข่าวอะไรที่จะร้อนฉ่าไปมากกว่าการรวมกลุ่มของบรรดาอาเฮียทั้งในสมาพันธ์ฯ และสมาคมขนส่งต่างๆปฏิบัติการสายฟ้าแลบ “บอยแบรนด์”เย้ย “บอยคอต” นิตยสารสายรถใหญ่สำนักหนึ่ง ทั้งการหยุดให้-รับข่าว ซ้ำรายกว่านั้นก็ลากซัพพลายเออร์ที่ลงโฆษณาในสื่อฉบับดังกล่าวเข้าร่วมปฏิบัติการ “บีบไข่สื่อ” ให้หน้าเขียวหน้าดำ ด้วยการยื่นคำขาดหากสื่อฉบับดังกล่าวไม่แสดงความรับผิดชอบ ก็จะไม่ซื้อสินค้าที่ลงโฆษณาในสื่อฉบับนั้นอีกต่อไป
***เมื่อ “ตะวันเพลิง” สืบสาวเรื่องราวก็เห็นแจ้งแดงแจ๋ถึงที่มาที่ไปของเผือกร้อนที่ปะทุขึ้น ต้นตอเกิดจากบทสัมภาษณ์ที่สื่อสำนักหนึ่งที่อ้างแหล่งข่าวเป็นคนให้ข่าว กรณีสมาคมขนส่งแห่งฝั่งตะวันออก ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสหพันธ์ฯ เหตุได้ไม่คุ้มเสีย เพียงแค่นี้จริง ขอย้ำข้อความเพียงแค่นี้จริงๆ เมื่อผู้ใหญ่ในสมาพันธ์ฯยกหูไปสอบถามแหล่งข่าวดังกล่าวว่าเป็นผู้ให้ข่าวเช่นนั้นจริงหรือไม่ แหล่งข่าวดังกล่าวก็ตอบทันควันว่าได้ให้ข่าวจริง แต่ไม่มีเจตนาอย่างที่สื่อสะบัดหมึกแล้วตีแผ่ออกไป แต่เป็นการนั้งเทียนเขียนข่าวที่ “ผิดเพี้ยน”และบิดเบือนจากความเป็นจริงของสื่อเอง งานงอกระดับพระกาฬจึงถั่งโถมกระแทกหน้าสื่ออย่างจังหนับบุเรงนอง
***หลังจากนั้น ประเด็นร้อนฉ่านี้ก็ถูกลากไปละเลงในไลน์กลุ่มซะเละตุ้มเป๊ะ จึงเป็นที่มาของการล่ารายชื่อของสมาชิกเพื่อร่วมปฏิบัติการ “บอยคอต” สื่อฉบับดังกล่าว และเป็นการ “เชือดไก่ให้ลิงดู”หวังขยี้สื่อให้จมธรณี ด้วยการชูวิสัยทัศน์สวยหรูเพื่อปกป้องสมาพันธ์ฯ และสร้างความเป็นเอกภาพของสมาชิกฯ พร้อมกันยื่นคำขาดบีบให้สื่อแสดงความรับผิดอย่างใดอย่างหนึ่ง หากมิเช่นนั้นจะสามัคคีชุมนุมกัน “ไม่ซื้อ-ไม่ใช้”ทุกสินค้าที่ลงโฆษณาในสื่อฉบับดังกล่าว แม้ในที่สุดสื่อเองจะยอมนัดเจรจาพูดคุยในเงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่าย “OK” แล้วก็ตาม แต่ผลพวงจากนี้ไปไม่ใครการันตีได้ถึงการประสานรอยร้าวที่เกิดขึ้นให้ดีได้ดังเดิมหรือไม่
***จากประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น“ตะวันเพลิง” กราบเรียนด้วยความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ในสมาพันธ์ฯสมาคมขนส่งฯ โดยเฉพาะ “พ่อใหญ่ทองอยู่ คงขันธ์” ในฐานะประธานสหพันธ์ฯ ผู้ที่ได้ชื่อเพียบพร้อมด้วย “วัยวุฒิและคุณวุฒิ” ไม่มีวิธีแก้ปัญหาอย่างอื่นที่เหมาะสมและละมุนละม่อมกว่านี้แล้วหรือ ทำไม่ท่านไม่ใช้ “กึ๋นและประสบการณ์”ของท่านหาทางออกที่สมเหตุสมผลกว่านี้ ปฏิบัติการบอยคอตดังกล่าวนั้น อาจถูกสังคมตั้งคำถามได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาของผู้ที่ “ขาดแคลนอีคิว” หรือไม่? เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่? หรือเป็นมติส่วนมากของสมาชิกฯแล้วหรอ? หรือมีนัยสำคัญซ่อนเร้นกับปฏิบัติการนี้หรือไม่? เรื่องแค่นิดเดียวแต่กลับถูกโยงให้ลุกลามบานปลาย ท่านเป็นหัวหลักหัวตอในสหพันธ์ฯควรรวบรวมสติสัมปชัญญะมากกว่านี้ และคำนึงถึงผลกระทบที่อาจย้อนเข้าตัวท่านก็เป็นได้ ขอบิณฑบาตเถอะโยม…เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
*** ขณะที่ “เฮียยู เจียยืนยงพงศ์” แม้จะโกอินเตอร์ไปกับตำแหน่ง “ประธานสหพันธ์การขนส่งทางรถบรรทุกแห่งอาเซียน” หรือ ATF ก็ออกโรงปรามในฐานะผู้ใหญ่และเป็นอดีตพี่ใหญ่ในสหพันธ์ฯว่าก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรไปก็ควรคิดและไตร่ตรองให้ดี เดี๋ยวเรื่องราวจะลุกลามใหญ่โต แต่ทว่าเสียงปรามของอดีตพี่ใหญ่คงแผ่วเบาและไร้น้ำหนักเกินไป จึงยากที่จะฝ่าสายลมไปกระทบโสตประสาทของ “นักล่าปฏิบัติการบอยคอต”เพียงไม่กี่คนได้ เรื่องราวจึงเป็นเช่นนี้แล
กระแทกแป้นพิมพ์ให้คำพูดคำจาเริงระบำถึงบรรทัดนี้ ก็ต้องกล่าวคำว่าสวัสดี เจอกันฉบับหน้าครับ!!