ว่าด้วยเส้นทางการก้าวย่างค่ายรถใหญ่พญาราชสีห์ MAN ในไทย ดูเหมือนบทละครรักซ้อนซ่อนเงื่อนยังไงก็มิอาจทราบได้ เมื่อปี 2562 ภายใต้ชายคาดิสทริบิวเตอร์(ผู้นำเข้า)ดังฝั่งเมืองปทุมที่กำลังจะปลุกปั้น“สิงโตไฟ”ได้เฉิดฉายในวงการรถบรรทุกเมืองไทย
จู่ๆเจ้าของแบรนด์ตัวจริงจากเมืองเบียร์ก็โผล่เซอร์ไพร้สดึงกลับเข้าบ้านหลังใหญ่หวังโม่แป้งเองกับมือ พร้อมตั้งฐานบัญชาการคุมตลาดในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เคลียร์ชัดไม่อาศัยจมูก Importer หายใจอีกต่อไป
พร้อมเดินหน้าลุยไฟทำตลาด‘ชงเองกินเอง’ชูสโลแกนสุดหรู MAN – Simply #1 ด้วยกลยุทธ์‘ลูกค้าเข้าถึงง่าย’เปิดตัวผู้บริหารหนุ่มใหญ่ไฟแรงคนไทยกุมบังเหียน ลุยแต่งตั้ง 2 ดีลเลอร์รายใหญ่ เปิดตัวรถบรรทุกรุ่นเรือธงชิงสัดส่วนตลาดยูโรเปียนทรัค พร้อมประกาศก้องพงไพรอีก 3 ปีพญาราชสีห์ MAN จะคำรามติดเบอร์ 1 หรือ 2 สมรภูมิรถใหญ่ยูโรปในไทย
ท่ามกลางข้อกังขากูรูในวงการรถบรรทุกว่า…ฝันไปหรือเปล่าค่ะคุณพี่???
ส่องไทม์ไลน์การทำตลาดในห้วงปี 2563-64 ดูมีออร่าอย่างมีนัยสำคัญทั้งทิศทางการทำตลาด-กลยุทธ์-ความเคลื่อนไหวจากการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างกับรับรู้และความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าคนไทย โดยผลงานในแง่ยอดขายยอดจดทะเบียนรถบรรทุก MAN ก็ดูดีขึ้นต่อเนื่อง
-ปี 2563 ยอดจดทะเบียน 54 คัน
-ปี 2564 ยอดจดทะเบียน 91 คัน
ทว่า เข้าสู่ห้วงปี 2565 ช่วงไตรมาส1-2 ดูเหมือนเหตุการณ์ปกติจากความเคลื่อนไหว-ทิศทางการตลาด-ยอดขาย สำทับด้วยเป้าหมายมีไว้พุ่งชนจากปากผู้บริหารหนุ่มใหญ่ไฟแรงคนไทยที่เคยหล่นไว้เมื่อช่วงต้นปีว่าปีนี้ MAN ต้องทะลุ100คันแรกให้จงได้
แต่แล้วช่วงกลางปีไปจนถึงปลายปี ข่าวคราวความเคลื่อนไหวในเชิงข่าวและกลุยทธ์การทำตลาดจากฐานบัญชาการค่ายราชสีห์ในไทยก็หายไปจอเรดาห์ดื้อๆ(ซะงั้น)ขณะที่ยอดจดทะเบียนในปีนี้ MAN ปิดไปที่ 63 คัน
จากสัญญาณความเคลื่อนไหวที่เงียบหายไปตามสายลมและแสงแดดในยุคโลกโซเชียลเรืองอำนาจอย่างมีนัยสำคัญนั้น มาถึงบางอ้อทีหลังว่าบริษัทแม่ที่ตั้งขึ้นเพื่อดูแลตลาดประเทศไทยได้ปิดตัวลง ส่วนฐานบัญชาการใหญ่ที่คุมตลาดประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคก็ถูกยุบและได้ย้ายไปซบถ้ำเสือเหลืองมาเลเซียแทน
จากวันนั้นลากมาถึงเวลานี้ความเคลื่อนไหวการทำตลาดของค่ายพญาราชสีห์ MAN ในไทยยังดูคลุมเครือ ตามรายงานข่าวดีลเลอร์รถบรรทุกรายใหญ่ย่านสมุทรปราการก็ถูกยังเลิกสัญญาชนิดไม่มีไม่มีขลุ่ย ขณะที่ดีลเลอร์แชสซีส์รถบัสผู้ทรงอิทธิพลและมากบารมีที่เล่นบทบาท“แช่แข็งแชสซีส์”ไว้เมื่อครั้งบริษัทแม่ยังไม่ปิดตัวลงกลับได้สวมบทบาท Importer หน้าตาเฉย(ซะงั้น)
ส่วนดีลเลอร์รถบรรทุกภาคใต้ที่เพิ่งทุ่มทุนก้อนโตสร้างสำนักงานแห่งใหม่สวยหรูหราหมาเห่าเสร็จสมบูรณ์เมื่อเร็วๆนี้ก็ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะไปในทิศทางไหน อย่างไร?เหมือนออกสมรภูมิรบแต่ขาด“แม่ทัพ”และบทสรุปในบทสุดท้ายค่ายราชสีห์ MAN ในไทยภายใต้อุ้งมือผู้ทรงอิทธิพล-มากบารมีระดับท็อปประมูลงานภาครัฐเมืองไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร?…ยังไร้ซึ่งความชัดเจน!
ทว่า ผลกระทบจากสถานการณ์ที่คลุมเครือเช่นนี้มันสะท้อนภาพชัดๆยิ่งกว่า Super HD ถึงยอดขายยอดจดทะเบียนรถบรรทุกยี่ห้อ MAN หลังผ่านไป 5 เดือน(ม.ค.-พ.ค.66)มีเพียง 6 คันเท่านั้น!
สุดท้ายจริงๆแล้ว การปิดตัวลงของบริษัทแม่และการย้ายฐานบัญชาการใหญ่“ราชสีห์”เผ่นหนีไปซบถ้ำเสือเหลืองในครั้งนี้ ได้ทิ้ง“มรดกบาป”ไว้เป็น“วิบากกรรม”ให้กับใครรับไปเต็มเปาบ้าง?ก็น่าจะพากันรู้ๆกันอยู่แต่ดันพูดและทำอะไรไม่ได้มากนอกจากซด“น้ำบัวบก”เยอะๆเพื่อบรรเทาอาการช้ำใน
และที่รู้แน่ๆตลาดเมืองไทยไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด และเป็น”ตลาดปราบเซียน”ของแทร่!แม้แต่บริษัทแม่เจ้าของแบรนด์มาทำเองยัง”เจ๊ง”เผ่นหนีไม่เป็นท่า”!