EXIM BANK ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “สินเชื่อ EXIM Green Start” ให้แต้มต่อธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยวงเงินสูงสุด 200 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 4% ต่อปี และระยะเวลากู้ 3 ปี พร้อมทั้งปรับปรุงเงื่อนไขสินเชื่อ EXIM Export Ready Credit ได้รับวงเงินกู้เพิ่มเป็น 20 ล้านบาท และเพิ่มส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษให้แก่ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทย รวมถึง SMEs ยกระดับธุรกิจให้พร้อมเข้ามาตรฐานสิ่งแวดล้อม Thailand Taxonomy เพื่อร่วมบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกและผลกระทบต่อภาคการส่งออกและสังคม ขับเคลื่อนการค้าไทยให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืน
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่องจนนำไปสู่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่รุนแรงขึ้นทุกขณะและทำให้โลกตกอยู่ในภาวะ 3 สูง คือ อุณหภูมิสูง ภัยธรรมชาติสูง และความเสียหายสูง ขณะที่ประเทศไทยเองก็มีอุณหภูมิสูงขึ้นเช่นกัน ทำให้มีโอกาสเกิดภัยธรรมชาติสูงขึ้นและความเสียหายมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ความเสียหายจากภัยธรรมชาติในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาสร้างความเสียหายทั่วโลกเป็นมูลค่ารวมถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไทย EXIM BANK จึงได้พัฒนาบริการใหม่ “สินเชื่อ EXIM Green Start” สำหรับธุรกิจที่ใส่ใจในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยวงเงินหมุนเวียนสูงสุด 200 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้สูงสุด 3 ปี อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น Prime Rate -2.25% ต่อปี หรือประมาณ 4% ต่อปี ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของธุรกิจทั่วไป และแถมฟรี! วงเงินสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Foreign Exchange Forward Contract) 1 เท่าของวงเงินสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติ เพื่อปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนให้แก่ผู้ส่งออกไทย
นอกจากนี้ EXIM BANK ได้ปรับปรุงบริการ “สินเชื่อ EXIM Export Ready Credit” หรือสินเชื่อเอ็กซิมเติมทุนส่งออก โดยเพิ่มวงเงินสูงสุดจาก 5 ล้านบาทต่อราย เป็น 20 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น Prime Rate -2.00% ต่อปี หรือประมาณ 4.25% ต่อปี และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการที่มีการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมให้ได้รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปีในปีแรก โดย EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกที่เริ่มนำวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมของร่างมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (Thailand Taxonomy) มาปรับใช้ในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของประเทศที่กำลังจะประกาศออกมาในปีนี้ ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกสามารถยื่นขอสินเชื่อ EXIM Green Start และสินเชื่อ EXIM Export Ready Credit ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 30 เมษายน 2567 สอบถาม EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999
ดร.รักษ์ กล่าวว่า สินเชื่อทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจไทย รวมถึง SMEs ให้มีความพร้อมที่จะพัฒนากระบวนการผลิตสินค้าและการบริการที่ขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน เสริมสร้างเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) ตามนโยบายรัฐบาล และการดำเนินงานธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้ในเวทีการค้าระหว่างประเทศ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศที่เข้มงวดเรื่องการปฏิบัติตามเกณฑ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น สหภาพยุโรปมีกำหนดเริ่มทดลองใช้มาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism : CBAM) ในปี 2566 เป็นต้น
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมีสินเชื่อหลากหลายรูปแบบ ตอบสนองความต้องการของธุรกิจ รวมทั้งการยกระดับธุรกิจไทยให้ได้มาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ สินเชื่อ Solar Orchestra ที่ให้เงินทุนติดตั้ง Solar Rooftop เชื่อมโยงกับ Ecosystem ตลาดคาร์บอน โครงการประหยัดพลังงานผ่านสินเชื่อ EXIM Kill Bill by Biz Transformation เงินทุนสำหรับการเปลี่ยนอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เป็นต้น
“เศรษฐกิจยังคงพึ่งพาส่งออกในสัดส่วนที่สูงและจะยังคงเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญต่อไป หากเราสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่สำคัญได้เร็วและพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน จะทำให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็งขึ้นตั้งแต่ฐานราก นำไปสู่การพัฒนาทางสังคมและสิ่งแวดล้อมคู่ขนานกันไปด้วย EXIM BANK จึงสนับสนุนการยกระดับธุรกิจไทยทุกขนาดสู่ BCG Model นำไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำตามนโยบายรัฐบาลสอดรับกับเจตนารมณ์ของประชาคมโลกที่จะพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า สร้างมูลค่าเพิ่มของทรัพยากรธรรมชาติ รักษาความสมดุลของการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดย EXIM BANK มุ่งเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุนให้แก่ธุรกิจไทย พร้อมทั้งเชื่อมโยงธุรกิจคนไทยทุกระดับเข้าสู่ Supply Chain การส่งออกเพิ่มมากขึ้น” ดร.รักษ์ กล่าว